พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง - พระบรมธาตุแบบลังกา

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง -  พระบรมธาตุแบบลังกา

เสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ..คลิกตรงรูป อ่านพระประวัติโดยย่อ..

Wednesday 6 February 2013

บทอธิษฐาน จากสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และธรรมเนียมไทย - จีนต่าง ๆ

ที่มาของอธิษฐานวจนะ

ประมาณปี พ.ศ.2531-2532 ผมเริ่มทำบทอธิษฐานวจนะ (พิมพ์ครั้งที่ 1) เพื่อใช้ส่วนตัว โดยได้ขอให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เมตตาแต่งบทอธิษฐานต่าง ๆ หลายบทให้กับ ผม และผมได้เผยแพร่ ในชื่อหนังสือ “อธิษฐานวจนะ” นานหลายปีแล้ว

ในปี 2548 วันที่ 16 มกราคม (วันครู) นี้ ผมมีความตั้งใจที่จะจัดทำหนังสืออธิษฐานวจนะ (เพิ่มเติม) ขึ้น (พิมพ์ครั้งที่ 2) จึงได้นั่งกรรมฐานไปสู่พรหมโลก ขอให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แต่งบทอธิษฐานต่าง ๆ ขึ้นอีกหลายบท และนำมาเผยแพร่ให้กับผู้อ่านได้รู้ ในประสบการณ์ตอนนี้

บทอธิษฐานหลายตอน มีใช้ในหลายโอกาส หลายเหตุการณ์ที่ต้องการใช้ อาทิเช่น บทอธิษฐานในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ หรือวันเทศกาลต่าง ๆ ทั้งของไทย และชาวจีน ก็มี ซึ่งผมก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่ง จึงได้ขอให้ท่านแต่งบทอธิษฐานเกี่ยวกับพิธีการของชาวจีนขึ้น ทุกเทศกาลตามรายละเอียดในปฏิทิน

นอกจากนี้ ยังมีบทแผ่อุทิศกุศล และกรวดน้ำ , บทอธิษฐานสร้างถวายพระพุทธรูป , บทอธิษฐานเมื่อถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ , บทอธิษฐานลอยกระทงประทีปมาลาดอกไม้ , บทอธิษฐานขอพระสยามเทวาธิราชคุ้มภัย , บทอธิษฐาน บุญคุ้มครองประเทศ , บท คำพรของ พ่อ แม่ , บทอธิษฐานแบ่งบุญแก่ผู้ทุกข์ยาก เป็นต้น

                  


1. บทบูชาพระ ก่อนปฏิบัติพระกรรมฐาน

“ขอบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ดีชอบ พระธรรมอันเลิศยิ่ง พระสงฆ์ และพ่อแม่ทั้งหมดที่มีพระคุณ และครูผู้เมตตาสอนความรู้ทุกชาติภพ และครูอุปัชฌาย์ผู้มีเมตตา สอนธรรมแก่ข้าพเจ้า

ขออำนาจพระพุทธเจ้า พระคุณพ่อแม่ ปกปักคุ้มครอง ครูอาจารย์ และครูอุปัชฌาย์ ผู้เมตตา ช่วยเหลือข้าพเจ้า ให้มีสุข เจริญสุข เจริญธรรม ด้วยเทอญ”



2. มนต์อิติปิโส (บทพุทธคุณ)

“อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ”

มนต์บทนี้ ผู้ได้สวด วันละ 5 จบ เช้า – ค่ำ จะมีความเจริญนานาประการตามสมควร ด้วยบุญนี้อุปถัมภ์ ขอจงอธิษฐานตามที่นึกประสงค์

“ขอบุญที่ข้าฯ บูชามนต์พุทธคุณ และระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ จงช่วยคุ้มครองข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากภัยทุกอย่าง ภัยนานาประการที่จะมีขึ้นต่อไป ขอให้พุทธบารมีของพระสัมมาสัมพุทธองค์จงคุ้มครอง อุปถัมภ์ข้าพเจ้า และพ่อแม่ , (...........) ให้มีความสุขทุกสิ่ง ดังที่ต้องการด้วยเทอญ”



3. บทอธิษฐาน ปลุกเสก น้ำพระพุทธมนต์

ขอให้น้ำในภาชนะนี้ เป็นน้ำทิพย์วิเศษ ด้วยมนต์ของพระพุทธเจ้าที่ ข้าพเจ้าได้เจริญ สวดบูชานี้

ขออานุภาพแห่งพระพุทธบารมีของพระพุทธเจ้า จงปัดสิ่งเป็นภัย สิ่งไม่ดี สิ่งที่จะก่อทุกข์ แก่ข้าพเจ้าให้หมดสิ้น

ขอให้เดชแห่งพระพุทธบารมี นั้น จงช่วยคุ้มภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ



4. บทอธิษฐานเมื่อเสร็จจากเจริญมนต์ คาถาบูชาพระ

“ข้าพเจ้า ขอบุญกุศลที่ได้สวดมนต์นี้ ช่วยให้ข้าพเจ้ามีสุข เจริญสุขยิ่ง ๆ ขึ้น ด้วยเทอญ”



5. บทอธิษฐานเมื่อเสร็จจากถวายอาหารแด่พระภิกษุ

ยามเช้า / เพล

“ขอบุญนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีอาหารบริโภคบริบูรณ์ในทุก ๆ ชาติ ไม่ขาดแคลน ต้องการสิ่งใด ขอให้ได้ดังที่ต้องการด้วยเทอญ”



6. การชักประคำ 108 เม็ด

สวดคาถา ชักประคำ “นะโมพุทธายะ” 108 จบ

และอธิษฐาน

“ขอบุญนี้ จงคุ้มครองข้าพเจ้าให้มีสุข มีความเจริญด้วยเถิด”



7. บทให้พรแก่ผู้สร้างบุญ (ของสงฆ์ และผู้ถือศีล)

“ขอให้ท่านจงมีสุข มีสุข มีสุข ด้วยเทอญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ นานา จงบังเกิดแก่ท่าน ด้วยบุญที่ท่านสร้างครานี้

ขออำนวยอวยชัยให้ท่าน และญาติ พี่น้อง วงศ์ตระกูล ได้รับความสุข ความเจริญ สมหวังดังที่ต้องการทุกสิ่งเถิด...”



8. บทเจริญจิตแผ่กุศลเมตตาจิตแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง

“ข้าพเจ้าขอแผ่บุญญากุศลแห่งเมตตาจิตอันไพศาล ส่งถึงผู้ใกล้ชิด อันมี พ่อ แม่ ญาติสนิท ผู้มีคุณที่อุปถัมภ์ช่วยเหลือมาก่อน หนใดหนหนึ่ง แม้อยู่ไกล หรือไม่ได้รับรู้ ก็ขอให้มีสุข มีสุข มีสุขด้วยเทอญ

ขอให้ทุกท่านจงมีความเจริญ รุ่งเรือง นานาสุข อันมีทางแห่งบุญรักษาตลอดไปในอนาคต จงมีสุข มีสุข มีสุข ด้วยเทอญ

ขอให้ญาติสนิท อันมี พ่อ และแม่ พี่ และน้อง (ท้องเดียวกันทุกคน) ลูก หรือ หลาน เหลน ในวงศ์ตระกูล (ชื่อวงศ์ตระกูล) ของข้าพเจ้า ได้เจริญรุ่งเรือง มีความสุข มีสุข มีสุข ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ”



9. บทอธิษฐานบุญให้มีปัญญายิ่ง

“ข้าพเจ้าขอบุญนี้ (เช่น บุญพระกรรมฐาน , บุญการสร้างพระพุทธรูป, บุญให้ทาน ต่าง ๆ เป็นต้น) ช่วยให้ข้าพเจ้ามีปัญญายิ่งที่สุด ด้วยเถิด”



10. บทอธิษฐานบุญกุศล ตามปรารถนา

“ข้าพเจ้าขออธิษฐาน ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าระลึกนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีสุข มีสุข มีความเจริญ รุ่งเรือง ดังที่ต้องการ มีอนาคตที่ดีดังที่หวัง

ขอให้ข้าพเจ้าได้รับความเจริญนานา ด้วย ลาภ โชค ทรัพย์นานาไหลมาสู่ข้าพเจ้า ให้มั่งมี ร่ำรวย มีความสุข ด้วยเทอญ...”



11. บทอธิษฐาน ขอให้ดวงดี

“ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำในครั้งนี้ จงช่วยให้ดวงข้าพเจ้า เปลี่ยนแปลงดีขี้นด้วยเถิด สาธุ”



12. บทอธิษฐานอุปถัมภ์ดวงเรื่องงาน ให้เจริญ ก้าวหน้า

“ข้าฯ ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้ามี รักษา อุปถัมภ์ให้ข้าพเจ้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ งานที่ทำทุกอย่าง ขอให้เพื่อนรักใคร่ ขอให้ได้พบกับมิตรที่ดีทุกทางที่ติดต่อไป ขอให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ไม่ตกหยุดนิ่ง ขอให้ผู้บังคับบัญชาอุปถัมภ์ รักใคร่ ด้วยเทอญ”



13. บทอธิษฐาน ขอถือศีล ของ อุบาสก อุบาสิกา

“ข้าพเจ้า ขอถือศีลอุโบสถ ในวันนี้ ในศีล 8 ข้อ จะขอรักษาให้มั่นคง”



14. บทอธิษฐาน ขอรักษาศีล 5 (ต่อจาก การถือศีล 8)

“ข้าพเจ้า ขอรักษาศีล 5 ข้อให้มั่นคงในชีวิต”



15. บทอธิษฐานอาราธนาบูชาพระเครื่อง

ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา เพื่อปกปักรักษาตน

“ข้าพเจ้าขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าระลึกถึง อันมี (ชื่อพระเครื่อง หรือครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะขอให้ช่วยเหลือ....) ปกปักรักษาข้าพเจ้าให้มีสุข ปลอดจากภัยทุกสิ่งด้วยเทอญ”

16. บทอธิษฐานทำบุญในวันเกิด

การทำบุญวันเกิด ต้องมีจิตสงบ กราบพระในยามเช้า และอธิษฐานขอน้ำมนต์ที่บูชาพระมาประพรมทั่วร่างกาย ปัดสิ่งที่เป็นโทษออกไปให้พ้น สวดมนต์ ถือศีล งดฆ่าสัตว์ หากทำได้ ผู้นั้นจะมีสุข ด้วยผลบุญที่ทำนี้ให้ผลสนอง

คำอธิษฐานในวันเกิด เมื่อทำบุญแล้ว

"ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าทำครั้งนี้ จงช่วยอุปถัมภ์ให้ข้าพเจ้ามีความสุข ทุกสิ่งที่ต้องการจงสำเร็จ ด้วยเทอญ"

ผู้ที่มีจิตเมตตา ต้องการสร้างบุญกุศล ก็จงออกไปวัด แต่งชุดขาว ถือศีล 8 อยู่กับวัดสัก 1 คืน และลาศีลออกมาในวันที่ฤกษ์ดี เป็นมงคล สวมเสื้อผ้าใหม่ พูดและคิดทำสิ่งที่ดี ที่ชอบ วาจางดงาม ก้าวแรกที่ออกจากวัด ควรระลึกถึงพระพุทธองค์ ขอพระบารมีปกปักรักษาตนเองให้มีความสุข มีชีวิตที่สุขสบาย ปราศจากภัยทุกอย่าง

ผู้ที่รับศีลมาแล้ว ก็จงสำรวมตนเองให้สงบ จิตใจก็จะปล่อยอารมณ์ขุ่นมัว ไม่ติดหลงกับอารมณ์ร้าย ความสุขก็จะมี...



17. บทอธิษฐาน ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบุญของพ่อแม่ รักษา

“ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันมี (ชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือบูชาอย่างยิ่ง) คุ้มครองข้าพเจ้า ให้มีสุข มีความเจริญ ปลอดจากภัยทุกอย่าง อย่าได้ทุกข์ อย่าได้หมอง ขอให้เจริญสุข เจริญจิตอย่างมั่นคง ไม่โศกเศร้าในวิบาก ไม่ทุกข์ในอริภัย วิบากภัยที่บังเกิด

ขอพระคุณ พ่อแม่ รักษา ข้าพเจ้าให้มีสุข ด้วยเทอญ”



18. บทอธิษฐานขอขมากรรม ต่อเจ้าหนี้นายกรรม

“ข้าพเจ้า ขอขมากรรม ต่อท่านเจ้าหนี้นายกรรม ที่ข้าพเจ้าได้เคยก่อทุกข์ ก่อโศกแก่ท่านไว้ ทำให้ท่านเดือดร้อนคราหนึ่ง ในชาติภพใดก็ตาม

ข้าพเจ้าขอสร้างกุศล (อุทิศกุศล... หรือแบ่งกุศล...) ให้แก่ ท่านเจ้าหนี้นายกรรม เพื่อขออโหสิกรรม ขอท่านเจ้าหนี้นายกรรม โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”


หมายเหตุ -  

คำว่า “อุทิศบุญ” ใช้ในการอุทิศบุญกุศลทั้งหมดถึงแก่ผู้เสียชีวิตที่ระบุชื่อ นามสกุล
การ “แบ่งบุญกุศล” สามารถแบ่งให้ได้ อาทิ “ขอแบ่งบุญกุศลนี้ให้กับ (ชื่อ-นามสกุล)
คำว่า “ยกบุญทั้งหมดนี้” ทำได้ เช่น “ข้าพเจ้าขอยกกุศลทั้งหมดได้แก่ บุญที่ข้าพเจ้าได้สร้าง (แจกแจงรายการบุญ) ให้กับบุคคลผู้ใด เท่าใด (ส่วน) หรือทั้งหมด

คำว่า “ขอบุญกุศลนี้อุปถัมภ์” เพื่อต้องการให้บุญกุศลนี้อุปถัมภ์คุ้มครองตนเอง รักษาตน ยามมีสุข และมีเคราะห์ภัยมาอยู่



19. บทอุทิศกุศลถึงเจ้าหนี้นายกรรมของตน

“ข้าพเจ้าขออุทิศกุศลที่มี แบ่งให้แก่เจ้าหนี้นายกรรมของข้าพเจ้า ขอจงได้รับกุศลนี้ด้วยเทอญ

ขอให้ท่านมีสุข มีสุข อย่าได้ทุกข์ ปราศจากภัย สมหวัง เย็นใจ เย็นจิต มีพละกำลัง สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากทุกขโรค ผองภัยนานา ด้วยเทอญ”



20. บทแผ่อุทิศกุศล และกรวดน้ำ

“ข้าพเจ้าขอแบ่งกุศล อุทิศให้แก่( (ชื่อ – สกุล), ผู้ล่วงลับ หรือ วิญญาณ (ชื่อ – สกุล) หรือ ผู้ใดผู้หนึ่ง)

ขอให้สายธารธารานี้ จงรับรู้ และช่วยให้กุศลนี้ ส่งถึงแก่ผู้ได้รับด้วยเทอญ สาธุ”



21. บทอธิษฐาน ส่งอาหารให้วิญญาณผู้เสียชีวิต

“ขออุทิศอาหาร ทั้งหมดนี้ ให้แก่ (ชื่อ –สกุล ผู้เสียชีวิต) ด้วยเทอญ”



22. บทอธิษฐาน ชำระหนี้ให้พุทธศาสนสถานและสงฆ์ผู้รับผิดชอบ

“ข้าพเจ้าได้ก่อโทษ ให้ ........(เหตุการณ์ที่กระทำ)........

บัดนี้ ข้าพเจ้าได้นำเงินมาชำระ เพื่อเป็นค่าบำรุงปัจจัย สิ่งนั้นแล้ว ขอพระสงฆ์โปรดรับรู้ และขอพญายมราชรับรู้ ด้วยเทอญ สาธุ”



23. บทอธิษฐานแบ่งบุญแก่ผู้ทุกข์ยาก

หลังจากปฏิบัติพระกรรมฐาน ขอให้อธิษฐานแบ่งบุญแก่ผู้ร้องขอบุญในสัมปรายภพ อบายภูมิที่รออยู่ ทั่ว ๆ ใกล้ที่พำนัก หรือในเคหะบ้านเรือน ต้นไม้ สัมภเวสีเร่ร่อน วิญญาณพเนจรทุกข์ยาก ดังนี้

“ข้าพเจ้าขอแบ่งบุญพระกรรมฐานให้แก่ เหล่าวิญญาณที่ขอรอรับส่วนบุญในอบายภูมิทุกตนทั้งหมด ขอจงรับบุญกุศลนี้ด้วย

ขอให้เหล่าวิญญาณทุกตนที่ทุกข์ยาก จงได้รับบุญกุศลที่ข้าพเจ้าแบ่งให้ในครานี้ และจงมีความสุขดังที่ปรารถนา จงมีสุข มีสุข มีสุข ด้วยเทอญ”



24. บทอธิษฐาน สร้างกุศล เป็นอาหารทิพย์

ผู้ที่จะทำบุญด้วยเงิน และอธิษฐานขอให้บุญนี้ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรอสนองแก่ผู้นั้น ในภพหน้า ก็อธิษฐานดังที่ต้องการ ดังเช่น การทำบุญด้วยเงินจำนวนหนึ่ง และปรารถนาให้บุญนี้ เป็นอาหารคาว และหวาน พร้อมน้ำ และอุปกรณ์รับประทานทุกอย่าง อย่างครบถ้วน ก็อธิษฐานตามที่ต้องการ เช่น.-

“ขอบุญนี้ จงเป็นอาหารทิพย์ ทั้งอาหาร (ชื่ออาหารตามที่ต้องการ) และน้ำดื่ม (ประเภทน้ำที่ต้องการ) ด้วยเทอญ”



25. บทอธิษฐาน พำนักในกลด

“ข้าพเจ้าที่พักอาศัยนี้ เป็นร่มเงาพักพิงชั่วคราว ขอเทพพระภูมิปกปักคุ้มครอง ขอแม่พระธรณีรักษา ด้วยเทอญ “



26. บทอธิษฐาน ลาจากที่พำนัก (พร้อมกลด)

“ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ผู้ปกปักช่วยเหลือข้าพเจ้า ให้ปลอดภัยทุกองค์ ด้วย ขอให้ทุกองค์ ได้รับกุศลที่ข้าพเจ้าแบ่งให้นี้“

“ข้าพเจ้าขอแบ่งบุญที่ข้าพเจ้าสร้างนี้ ให้แก่ แม่พระธรณี พระภูมิเทพ เทพที่มารักษาทุกองค์ วิญญาณดีที่มาช่วยดูแล ปกปักป้องภัยข้าพเจ้า ตลอดจน สรรพวิญญาณในป่านี้ ที่กตัญญูรู้ดีชอบในทางธรรม ที่คอยดูแลช่วยเหลือให้ข้าพเจ้าได้เจริญปฏิบัติพระกรรมฐานอย่างสงบ ในครานี้ ขออำลาและ ขอให้มีสุข ทุกองค์ ทั้งหมดเทอญ...”


27. บทอธิษฐาน ขอน้ำทิพย์ อาหารทิพย์ รักษาโรคของตน

ผู้ที่ถวายอาหารแด่พระพุทธรูป ก็สามารถอธิษฐานให้อาหารนั้น เป็นอาหารทิพย์ เพื่อขจัดทุกข์ภัย โรคาพยาธิในกายให้หมดสิ้นได้ เช่นถวายอาหารเช้า ด้วยข้าวสุก น้ำผึ้ง น้ำสะอาด ก็อธิษฐาน ขอให้อาหารที่ได้ถวายนี้เป็นยาทิพย์ ขจัดโรคภัยของตนให้หายได้ ด้วยบทอธิษฐาน นี้

“ข้าพเจ้าขอยาทิพย์ จากสวรรค์ และขอแพทย์เมตตารักษาโรคในกายของข้าพเจ้าให้หมดสิ้นไปด้วยเถิด สาธุ”

(ล้างจานอาหารนั้น แล้ว คว่ำ ไว้)



28. บทอธิษฐานสร้างถวายพระพุทธรูป

“ขอบุญที่ข้าพเจ้าสร้างถวายพระพุทธรูปแด่สงฆ์ และวัด (ชื่อวัดที่ถวายไว้.....) นี้ จงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า และวงศ์ตระกูล (ชื่อวงศ์ตระกูล....) ให้รุ่งเรืองสืบไป

ขอให้ข้าพเจ้ามีสุข มีสุข ไร้ภัยเบียดเบียน มีรูปกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคภัย ขอให้ภัยที่จะเกิดแก่ข้าพเจ้ายุติหมดสิ้น ขอให้บุญนี้รักษาข้าพเจ้าเทอญ”



29. บทอธิษฐานเมื่อถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์

“ขอบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำครั้งนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีสุข ต่อไปภายหน้าเถิด และขอให้บุญนี้ปัดเป่าทุกข์ ดำรงสุขให้ข้าพเจ้าอยู่อย่างสบายใจ ไร้โรคา อริภัยนานา สลายไปเถิด

ขอให้บุญนี้รักษาตลอดไป สาธุ”



30. บทอธิษฐาน ขอโชคลาภ

“ขอบุญที่ข้าพเจ้าสร้างไว้ทุกชาติมาก่อน จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีโชคลาภ ด้วยเถิด ขอให้พญายมราชอุปถัมภ์เมตตา สงเคราะห์ให้ข้าพเจ้ามีลาก เพื่อนำมาจุนเจือปากท้อง มิอดอยากต่อไป

ขอบุญที่ข้าพเจ้าเคยให้ทานต่าง ๆ ทุก ๆ ชาติ จงมาสนองต่อข้าพเจ้าต่อไป ตามอธิษฐานจิตของข้าพเจ้า เทอญ”



31. บทอธิฐานลอยกระทงประทีปมาลาดอกไม้

“ข้าพเจ้าขอสักการบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันมี พระธรณี พระคงคา ผู้เมตตาให้ข้าพเจ้าได้อยู่อาศัยบนแผ่นดินอย่างมีสุข ไม่ทุกข์ร้อน และขออโหสิต่อพระธรณี ถ้าหากข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งใดไม่เหมาะสม หรือล่วงโทษ ต่อพระธรณีไป

และขอพระคงคารักษาข้าพเจ้า ให้ปลอดภัย แม้ยาตราไปสู่ที่ใด ก็ขอให้อย่าได้ประสบภัย ประสบเคราะห์ ปลอดจากภัยทุกสิ่งด้วยเทอญ”

หมายเหตุ – บทอธิษฐานนี้ใช้กรณีผู้อธิษฐานปรารถนาในเรื่องบูชาพระธรณี พระคงคา



32. บทอธิษฐานแก้ฝันไม่ดี ให้หมดภัย

“ข้าฯ ขอบุญที่ข้าพเจ้ามีนั้น จงอุปถัมภ์ หากข้าพเจ้ามีนิมิตอันเป็นโทษแก่ข้าพเจ้า หรือผู้ใดที่ข้าพเจ้ารักใคร่ ขอพญายมราช ผู้นิมิตฝัน หรือ ท้าวมหาพรหมเนมิกราช ปัดเป่าเคราะห์ภัยของข้าพเจ้า หรือผู้ที่ข้าพเจ้าเกี่ยวพันในนิมิตเทอญ”

(หากผู้ใดมีนิมิต แล้วตระหนก ตื่นกลัว เกรงว่า ภัยนั้นจะมีเกิดขึ้น ก็ขอให้ล้างหน้ายามเช้า ด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” 9 จบ แล้วลูบหน้าปัดออกจากตัว เอาน้ำนั้นประพรมร่างกายให้ทั่ว จากศีรษะจรดปลายเท้า เถิด จะบรรเทา

แล้วจงปฏิบัติเจริญทำฌาน (สมถกรรมฐาน) ประมาณ 30 นาที เพื่อบุญนี้จะช่วยเหลือท่านให้หมดทุกข์ได้เพียงใด

กรรมที่มีอยู่ จะบรรเทาได้ ก็ด้วยบุญพระกรรมฐาน และอธิษฐานจิตที่ท่านกระทำ...)



33. บทอธิษฐานขอพระสยามเทวาธิราชคุ้มภัย

“ขอบุญแห่งพระสยามเทวามหาราชเจ้า ทุกพระองค์ จงคุ้มภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด และขอพระมหาราชทุกพระองค์ จงกำจัดภัยในประเทศ ที่ทำให้ประเทศวุ่นวาย ไม่สงบให้หมดสิ้น ขอให้ประเทศไทย เมืองสยาม มีความสุขต่อไป และประสบความรุ่งเรืองไม่สิ้นด้วยเถิด

ขอบุญที่ข้าพเจ้ามี จงอุปถัมภ์ดวงชะตาสยามประเทศ และผู้มีบุญที่ดูแลสยามให้มีสุข รุ่งเรืองต่อไป

ขอให้สยามประเทศนี้ มีชื่อ ลือเลื่องทุกทาง ในทางที่รุ่ง ไม่ตกยาก ผู้คนมีกิน ไม่ขาดแคลนขัดสน

ขอให้สยามประเทศ ได้รับความอุดมสมบูรณ์ ไม่เกิดภัยธรรมชาติอันร้ายแรง ภัยโจร ภัยจากอริที่ปองร้าย ภัยสงคราม ภัยทุกสิ่งที่จะทำให้ประเทศไม่เป็นอิสระทางการปกครอง

ขอให้ประเทศไทยนี้ จงได้รับความมั่งมีต่อไป สมชื่อ สยามประเทศ ที่รุ่งเรือง ต่อ ๆ ไป ด้วยเทอญ”

(หมายเหตุ – ผู้อธิษฐานบุญให้ประเทศสยามรุ่งเรืองนี้ จะได้มาเกิดในประเทศไทย อีกหลายครั้ง และได้มาเกิดเป็นคนดี ที่ได้ปกปักดูแลประเทศชาติ ผืนแผ่นดิน ให้สิ้นอริราช)



34. บทอธิษฐานบุญคุ้มครองประเทศ

ขอบุญที่ข้าพเจ้ามี อุปถัมภ์ประเทศสยาม หรือประเทศไทย ให้มีความเจริญมั่นคงที่สุด เป็นปึกแผ่น ไม่แบ่งแยก ไม่วุ่นวาย มีความผาสุก ไม่เดือดร้อน

ขอให้สยามประเทศนี้ ได้เป็นประเทศที่มีความอุดมทรัพย์ มั่งมีเงินทอง ฐานะประเทศบริบูรณ์ ด้วยเทอญ



35. บทอธิษฐานทานบุญแก่ญาติ และเหล่าวิญญาณอดอยาก

(พิธีทำบุญอุทิศให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ และวิญญาณเร่ร่อน ของคนไทยภาคใต้ในเดือนสิบ)

“ข้าฯ ขออุทิศบุญกุศลที่ข้าพเจ้ามี และการรักษาศีล บุญพระกรรมฐาน อุทิศเป็นทานบุญแผ่แก่เหล่าญาติทั้งมวล และขออำนาจบุญพระกรรมฐาน บารมีแห่งการทำฌานนั้น สนองคุ้มภัยแก่ญาติผู้ล่วงลับให้มีสุข ขอให้ญาติผู้ล่วงลับได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าได้แบ่งให้นี้ ด้วยเทอญ และขอให้เหล่าวิญญาณเร่ร่อนผู้อดอยาก จงมารับอาหารต่าง ๆ ขนมหวาน หลายชนิด ด้วยเถิด สาธุ”

แล้วกรวดน้ำ พลีบุญแก่เหล่าวิญญาณที่อธิษฐาน ด้วย

กรวดน้ำ :-

“ขออุทิศกุศลนี้ ให้แก่เหล่าญาติผู้ล่วงลับทุกคน แม้อยู่ลำบากทุกข์ร้อน ก็ขอจงได้รับส่วนบุญที่อุทิศนี้ หากอยู่สบาย ก็ขอให้อยู่มีสุข เจริญ ๆ ต่อไปเถิด และขอให้วิญญาณในบ้าน อันมี ผีผู้รักษาเรือน และวิญญาณที่ดูแลบุคคลในเรือน จงมารับกุศลที่แบ่งให้นี้ไป ขอจงมีสุข และได้รับผลบุญเถิด สาธุ”



36. พระคาถารัตนชัยมงคล

“พุทโธ รักษา นะโมพุทธายะ”

พระคาถานี้ เป็นคาถาดี ให้เจริญวันละ 9 จบ เช้า ก่อนออกจากบ้าน และก่อนนอน ทุกเพลาเถิด...(หรือยามมีภัย)



37. คาถามหาธรรม

“อิ ติ พุท ธัส สะ”

พระคาถานี้ ให้สวดวันละ 9 จบ เช้า ค่ำ ในยามราตรี ก่อนเข้านอน หรือยามมีภัย ให้สวดเจริญเถิด จะคุ้มภัยได้ดี

(จากฐานพระพุทธรูป ณ สวรรค์ชั้น 4 แดน 6)



38. คาถาบรรเทาโรค

“สา ณุ สังษณะ”

คาถานี้ เป็นของปู่ฤาษีองค์หนึ่งบนสวรรค์ นามว่า “พระฤาษีตาไฟ” ผู้เชี่ยวชาญด้านเวช เภสัช บรรเทาโรค ได้เมตตาให้คาถานี้ แก่ ............ เพื่อช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย หากผู้ใดเจ็บป่วย จงสวดคาถานี้เถิด หรืออธิษฐาน ถึงปู่ฤาษีตาไฟ ผู้เป็นครูแพทย์ ผู้ให้คาถานี้

คาถานี้ สวดได้ตลอด ยามมีโรค เมื่อหายจากโรคแล้ว จงทำบุญถวายพระภิกษุสงฆ์ หรือ จัดมาลาน้อมบูชาแด่ปู่ฤาษีตาไฟ ผู้ให้คาถานี้ ณ ที่บูชาของตน เพื่อแสดงความขอบคุณในเมตตาของปู่ฤาษีตาไฟ เถิด....



39. บทอธิษฐานอุทิศบุญให้แก่สัตว์ที่ตายไป

“ข้าฯ ขอแบ่งบุญที่ข้าพเจ้ามี และสร้างไว้นี้ ให้แก่ สัตว์เลี้ยงที่ชื่อ..................ที่ตายจากไป ด้วยเทอญ”



40. บทอธิษฐานในวันขึ้นปีใหม่ (วันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี)

“ข้าฯ ขอบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้า และบุตรทุกคน ญาติในวงศ์ตระกูลของข้าพเจ้า ผู้สืบเชื้อสายวงศ์ตระกูล (ชื่อวงศ์ตระกูล) มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด ปรารถนาสิ่งใด ขอให้สำเร็จ ได้พบกับสิ่งอันเป็นมงคลในชีวิต ขอให้ทุกคน มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ด้วยเทอญ



41. บทอธิษฐานวันสงกรานต์ ของไทย

“ข้าฯ ขอบุญที่ข้าทำในครั้งนี้ ช่วยให้ข้าพเจ้า ได้รับความสุขในชีวิต มีชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากสิ่งอันเป็นภัย ขอให้มีชีวิตที่ก้าวหน้า มีฐานะเจริญ มีความรุ่งเรือง

ขอให้ข้าพเจ้า ได้พบกับความมั่นคงในชีวิต มีทรัพย์สินเงินทองตามที่ต้องการ มีหมู่มิตรที่จริงใจกับข้าพเจ้า และหมู่บริวารรับใช้อันสัตย์ซื่อ

ขอให้ข้าพเจ้า เจริญยิ่ง ๆ ในธรรม พ้นทุกข์ และปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง ไม่คลอนแคลน เดินในทางมิชอบ

ขอให้อานุภาพแห่งการทำความดีของข้าพเจ้า ที่กระทำ จงช่วยให้ข้าพเจ้า ได้รับความสุขทุก สิ่งตามที่อธิษฐานด้วยเทอญ



42. บทอธิษฐานใน วันมาฆบูชา,วันวิสาขบูชา,วันอาสาฬหบูชา

“ขอบูชาพระพุทธเจ้า ใน (วันมาฆบูชา – วันวิสาขบูชา – วันอาสาฬหบูชา) ขอถวายมาลัยดอกไม้ ประทีป นี้ แด่พระพุทธเจ้า”



43. บทให้ทานชีวิต

“ขอบุญที่ข้าฯ ได้ให้ทานชีวิต ทุกชีวิต มี (ชื่อสัตว์ที่ปล่อยทั้งหมด) นั้น จงอุปถัมภ์ข้าฯ ให้มีความสุข ปรารถนาสิ่งใด ขอให้ได้ตามที่ปรารถนาเถิด

ขอให้ข้าฯ ได้รับความเป็นอิสระ พ้นจากวิบากชีวิต ด้วยบุญที่ข้าพเจ้า ได้ทำครั้งนี้

ขอบุญนี้ช่วยให้ข้าพเจ้า ได้รับความเจริญ อันยิ่ง ๆ ต่อไป ขอบุญนี้จงช่วยให้ข้าพเจ้า มีความรุ่งเรือง ตามที่ต้องการ ขอให้ข้าพเจ้า มั่งมีในทรัพย์สิน อเนกมากล้น ตามบุญที่ข้าพเจ้าสร้างไว้ ไม่ขาดแคลน ขอให้เป็นผู้มีปัญญามาก ขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ที่บุญรักษาตลอดไป เทอญ....”



44. บทอธิษฐานลอยอังคาร เถ้ากระดูกผู้เสียชีวิต

“ขอโปรยเถ้ากระดูกญาติ ฝากกับพระคงคา ขอพระคงคาดูแลคุ้มครองญาติให้มีสุข เจริญสุข ด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ”



45. บทคำพรของพ่อแม่

ขอบุญที่พ่อและแม่ มี อุปถัมภ์รักษาลูก ของพ่อแม่ นี้ให้อยู่เย็น มีความสุข เจริญ สมบูรณ์ มีความดีงาม เป็นคนดี จิตใจดี และเป็นคนใจสะอาด ไม่ทำชั่ว เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นหลักชัยของบ้านต่อไป

ขอให้ลูกรัก จงเป็นคนที่มีคุณธรรมสูง จิตใจมีเมตตา รักใคร่ต่อผู้อื่น มีเมตตาสงสารต่อผู้ทุกข์ ไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน รักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล

ขอให้ลูกรัก เป็นคนที่มีความสามารถดี เป็นที่ยกย่องของทุกคนในโลก และเป็นคนที่ได้ชื่อว่า รักษาสัจจะวาจา ไม่ประพฤติตนให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งอุปถัมภ์พี่น้อง ครอบครัว ให้คงอยู่อย่างผาสุก มั่นคงที่สุด

 ขอให้วงศ์ตระกูล (ชื่อวงศ์ตระกูล) นี้ เป็นวงศ์ตระกูลที่มีคนระลึกนึกถึงเสมอ ด้วยความดีงามที่กระทำ ขอให้ทุกคนในวงศ์ตระกูลเป็นคนที่มีจิตใจสูง ไม่ใฝ่ต่ำในทางชั่ว ทางอบาย ไม่สร้างปัญหาต่อผู้อื่น ขอให้บุตรที่จะมาเกิดเป็นทายาท เป็นผู้ที่ได้รับบุญของพ่อแม่ อุปถัมภ์ เป็นไปตามอธิษฐานสัจจะครั้งนี้ ทุกประการ

ขอให้บุญแห่งบรรพชนคุ้มครองทุกคนในวงศ์ตระกูลให้อยู่ร่มเย็นด้วยเทอญ



46. บทอธิษฐานถวายยารักษาโรคแด่พระสงฆ์ สามเณร

ข้าพเจ้าสร้างกุศลถวายยารักษาโรคนี้แด่พระสงฆ์ ขอบุญกุศลนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้าปราศจากโรคภัยนานา ด้วยเทอญ

 

47. บทอธิษฐานสร้างพระไตรปิฎกถวายพระสงฆ์

ข้าพเจ้าขอสร้างพระไตรปิฎกถวายแด่พระสงฆ์ ขอบุญนี้จงช่วยให้ข้าพเจ้าเกิดปัญญาดี


48. บทอธิษฐานทำบุญทอดกฐิน

ขอบุญที่ข้าพเจ้าทำในครั้งนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีความสุข ดำเนินชีวิตด้วยความร่มเย็น ไม่มีภัย ด้วยกุศลทานครั้งนี้อุปถัมภ์



49. บทอธิษฐานถวายเทียนพรรษา (หลอดไฟ)

ขอบุญนี้ จงช่วยให้ข้าพเจ้ามีความสว่างในชีวิต ไม่มืดมัว



50. บทอธิษฐานถวายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าในวัด

ข้าพเจ้าขอถวายเงินจำนวน.............บาท เพื่อเป็นค่าน้ำ และค่าไฟฟ้าให้กับวัด (ชื่อวัด.........) ด้วยกุศลจิตนี้ ข้าพเจ้าขอ (อุทิศ / แบ่งบุญ / ยกบุญกุศล ให้แก่ (ระบุชื่อ นามสกุล) หรือ.... ) บุญกุศลนี้จงช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น และขอให้ได้มีโอกาสอันราบรื่น ในการประกอบกิจสิ่งใด ๆ ทุกทางด้วยเถิด



51. บทอธิษฐานบูชาข้าว (ก่อนเพาะปลูก)

“ข้าพเจ้าขอบูชาแม่พระโพสพ แม่พระธรณี แม่พระคงคา องค์อินทราธิราชเจ้าแห่งสวรรค์ ขอได้โปรดเมตตาให้การเพาะปลูกข้าวของข้าพเจ้าเจริญงอกงาม ได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ด้วยเถิด”

บทอธิษฐานก่อนปลูกพันธ์พืช

“ขอพระภูมิผู้รักษาสวนของข้าพเจ้า คุ้มครองดูแลสวน ให้พืชพันธ์เจริญสมบูรณ์ด้วยเถิด”



52. บทอธิษฐานขอฝน

”ขอพระพิรุณเทพ โปรดให้ฝนตกในพื้นที่ของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

 

53. บทอธิษฐานแม่พระธรณีรักษา

“ขอแม่พระธรณีปกปักดูแลข้าพเจ้าให้แคล้วคลาดจากภัยทุกสิ่งด้วยเถิด”



54. บทอธิษฐานแม่ซื้อคุ้มครองบุตร

“ขอแม่ซื้อโปรดดูแลรักษาบุตรของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

หมายเหตุ – แม่ซื้อ คือ เทพธิดาที่คอยดูแลเด็กวัยทารก ถึง 7 ปี



55. บทอธิษฐานขอให้นิมิตฝันตัวเลข

“ขอบุญกุศลในอดีตที่ข้าพเจ้าได้เคยทำทาน จงมาช่วยให้ข้าพเจ้ารู้เลขในความฝัน ขอให้เลขมั่นคง“

ผู้ที่มีกุศลคอยเกื้อหนุน และมีจิตใจชอบสงเคราะห์ผู้ทุกข์ยาก ให้ทานเสมอ กุศลนั้นก็เกื้อหนุนให้มีโชครู้ตัวเลขได้หลายครั้ง หากต้องการมีโชคลาภมาก ให้สักการะพระสังขจาย์ โดยมีเคล็ดการบูชา คือ ให้นำเงิน 9 นำ (เหรียญบาท 9 เหรียญ) ใส่ถุงแดง และวางไว้ที่หัตถ์ (มือ) ของพระสังขจาย์ สักครู่ แล้วอธิษฐานว่า

“ขอพระสังขจาย์เมตตาให้ข้าพเจ้ามีทรัพย์ มีความสุข ด้วยกุศลที่ข้าพเจ้าได้เคยสร้างไว้ ขอกุศลนั้นหนุนส่งให้ข้าพเจ้ามีความสุข มีเงินทอง ไม่อดอยาก ทำกิจการค้า ขอให้เฮง เฮง เฮง รวย รวย รวย ทุกครั้ง ขอให้ล่ำซำ ล่ำซำ ล่ำซำ ขอให้สุขโข สุขโข สุขโข ด้วยกุศลนี้ช่วยเหลือตลอดไป”

แล้วหมั่นบูชาพระสังขจาย ด้วยคาถาบูชา(ภาษาไทย) ว่า

“ขอพระสังขจายคุ้มครอง อุปถัมภ์ข้าพเจ้าตลอดไป”

ผู้บูชาพระสังขจาย์ จะมีทรัพย์ มีเงินติดตัว ใช้ในชีวิตพอควร และจงขยันทำกินในทางสุจริต ไม่โกงผู้ใด ไม่แกล้งผู้อื่น ไม่ใส่ความผู้ใด จงดำรงตนเป็นคนดี กุศลความดีจะรักษาให้มีสุข มีเงิน ไม่ลำบากยากนานเท่าใด




56. คำสอนบุตร เรื่องพระพุทธเจ้า

เด็กที่มีจิตนอบน้อม เคารพศรัทธาพระพุทธเจ้า จะเป็นเด็กที่มีสติปัญญาสมบูรณ์ เจริญวัยด้วยพระบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มครอง บทไหว้พระพุทธเจ้านี้ เป็นคำพูดที่ใช้แนะนำเด็กบุตรของพ่อแม่ให้รู้จักพระพุทธเจ้า

“พระพุทธเจ้านั้น เป็นพระศาสดาของชาวพุทธ ทรงตรัสรู้ที่ประเทศอินเดีย และนำธรรมะมาสอนแก่ชาวโลกทุกคน

ขอให้ลูกเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม ของพระพุทธเจ้า และกราบพระสงฆ์”

และให้บุตรกราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์ กราบพ่อแม่ กราบครูอาจารย์ (ครูอุปัชฌาย์) ด้วยความเคารพ

ต่อจากนั้นให้บุตรปฏิบัติพระกรรมฐาน ด้วยการทำจิตให้สงบนิ่งสักครู่หนึ่ง แล้วอธิษฐานตามบทอธิษฐานท้ายนี้



57. บทอธิษฐานบูชาพระพุทธเจ้า

“ขอบุญนี้ช่วยให้ลูกของ ผม/ดิฉัน มีความสุข เป็นคนดี เจริญวัย สมบูรณ์ สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ได้พบกับผู้อุปถัมภ์ที่ดีทุกทางตลอดไป

ขอบุญของพ่อและแม่ รักษาลูกของ ผม/ดิฉัน ให้มีความสุข”



58. การบูชาขอพร เจ้าแม่กวนอิม

ผู้จะบูชา เจ้าแม่กวนอิม นั้น ขอให้รักษาศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ ไม่ทำชั่ว และอธิษฐาน เจริญมนต์อย่างเคร่ง จะได้รับพรจากเจ้าแม่กวนอิม 3 ข้อ

1. จะได้รับความเจริญ รุ่งเรือง

2. จะได้รับบุตรที่ดีในวงศ์ตระกูล มาสืบเชื้อสาย

3. จะได้รับโพธิสัตว์บุญคุ้มภัย แก่ผู้อธิษฐาน การสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิมนั้น ให้อธิษฐาน ระลึกว่า

“เจ้าแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์อุปถัมภ์”

เจ้าแม่กวนอิม ได้อธิษฐานที่จะช่วยสัตว์โลก ก่อนเข้าพระนิพพาน เป็นพระพุทธเจ้าในกาลหน้า มหาโพธิสัตว์องค์นี้ จะเสียสละตน เพื่อช่วยเหลือสัตว์ทั้งมวล ให้พ้นทุกข์ ผู้ใดปรารถนาขอความเมตตาจากท่าน ก็จงอธิษฐานระลึกถึง

การขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์ จะได้รับความเมตตาประทานพร 3 ข้อ นี้ และข้ออื่น ๆ เสมอ ด้วยว่า เป็นพระกรุณาอันยิ่งที่สุดที่จะให้ต่อผู้ขอ

ผู้จะขอน้ำทิพย์รักษาโรคนั้น ขอให้เตรียมน้ำสะอาด และจุดธูป 5 ดอก และอธิษฐานแจ้งชื่อโรคที่เป็น และชื่อ – นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด (ถ้ารู้) ต่อเจ้าแม่กวนอิม เพื่อเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ จะได้รับรู้ แลแก้ปัญหาให้ผู้ขอตามที่ปรารถนา



59. บทอธิษฐาน สักการะ พระภูมิเทพ (ไทย – จีน)

(เครื่องบูชาอันมี น้ำบริสุทธิ์ 1 , ดอกไม้หอมกรุ่น) นำมาเซ่นสรวงต่อเทพผู้ดูแลเรือน และบุคคลในอาณาเขตเรือนให้มีสุข

อธิษฐานทุก เช้า – ค่ำ และเจริญมนต์พุทธคุณ เพื่ออานิสงส์ให้เรือนมีความร่มเย็นด้วยพุทธบารมีของบุญรักษา

คำอธิษฐานที่แนะนำให้ผู้อยู่เรือน อธิษฐาน :-

“ข้าพเจ้าขอบูชาพระภูมิเทพ ด้วยสิ่งบูชา อันมี น้ำสะอาด และดอกไม้หอมกรุ่น อีกทั้งธูป ประทีปสว่าง

ขอพระภูมิปกปักรักษาข้าพเจ้า และบุคคลในอาณาเขตเรือนทุกคนให้มีสุข ด้วยเทอญ

ขอให้พระภูมิเทพคุ้มภัย หากจะมีภัยใดแก่ข้าพเจ้า และทุกคน ขอให้พระภูมิเทพปัดเป่าให้หมดสิ้น และขอบุญแห่งพระภูมิเทพนั้น กำจัดภัยแก่ข้าพเจ้า และทุกคนเถิด สาธุ...

(ขอให้ผู้อยู่ในเรือน และกล่าวบูชาพระภูมิ จงทำความดี ไม่ทำชั่ว พระภูมิจะบันทึกความดีของผู้อธิษฐาน ทูลต่อพญายมราช ในนรกภูมิ ตามความดีที่กระทำอย่างซื่อตรง มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ทั้งวันที่ เวลาที่กระทำ)



60. บทอธิษฐาน ค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรือง

ข้าพเจ้า ขอบุญอุปถัมภ์ดวงชะตาให้ดี ให้มีการค้าที่ดี มีธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง ไม่ตก มีผู้ซื้อสินค้า มากหลาย การเงินหมุนเวียนดี ขอให้บุญอุปถัมภ์รักษาชีวิตให้มีชีวิตเจริญต่อไป ได้มีทรัพย์เพิ่มพูนด้วยเทอญ...”



61. บทอธิษฐาน ไหว้ เทพเจ้า และฟ้าดิน

“ข้าพเจ้าขอบูชาปวงเทพเทวาผู้ปฏิบัติดี และหมู่พรหมาผู้เข้าฌานสมาบัติผล อันมี พรหม มหาพรหม อรูปพรหม เทวะอันสูงสุดผู้มีสัจจะอธิษฐานเมตตาต่อปวงมนุษย์ทุกคน

ขอให้ปวงมนุษย์ทุกคน และหมู่ข้าพเจ้า วงศ์ตระกูล มีสุข มีสุข มีสุข เถิด

ขอให้ข้าพเจ้า ได้รับสิ่งอันพึงมี แก่ทรัพย์ บริวาร นานาสุขที่ต้องการทั้งหมดเถิด

ขอให้คำอธิษฐานนี้ ปรากฏด้วยบุญของเทพ ผู้เมตตาต่อปวงข้าพเจ้าและหมู่ผู้อธิษฐาน และขอให้สัจจะอธิษฐานแห่งการรักษาศีล การปฏิบัติพระกรรมฐาน เจริญสมาธิผล ที่ปวงข้าพเจ้าได้ถือรักษานั้น สนองแก่ข้าพเจ้าทุกคนเถิด

ขอให้ปวงข้าพเจ้าได้รับความสุข ปราศจากทุกข์ ทุกสิ่งอันมีสิ่งเคราะห์ร้าย ขออย่าให้มีปรากฏ ขอให้หมดสิ้นไปด้วยเถิด

ขอให้ภัยนานาที่จะเกิดขึ้น ยุติไปด้วยเถิด

ขอให้อริร้ายหมดสิ้นเถิด

ขอให้ทุกคนที่ทำดี อันมี ข้าพเจ้า และหมู่ผู้ปฏิบัติดีในที่นี้ได้รับความสุขทั้งหมดด้วยผลบุญสนองครานี้ เทอญ...”
 
62. บทอธิษฐาน วันขึ้นปีใหม่ (วันตรุษจีน)

ขอบูชากราบไหว้บรรพชนทั้งหมดของข้าพเจ้า ขอให้บรรพชนที่อยู่ในเมืองไทย ในต่างประเทศ ผู้ให้กำเนิดวงศ์ตระกูลทุกคนได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ และขอให้บรรพชนรับรู้ด้วยเถิด

ขอให้บรรพชนคุ้มครองทุกคนให้มีความสุข ทุกสิ่ง ขอให้บรรพชนที่ลำบาก ยากเข็ญอยู่ในภูมิต่ำ จงได้รับอาหารที่ข้าพเจ้า และบุตร หลาน เหลน และผู้สืบทายาทวงศ์ตระกูล..... (ชื่อวงศ์ตระกูล)กระทำ นำมาเซ่นสรวงต่อท่านบรรพชนครานี้

ขอให้บรรพชนอยู่เย็น มีสุขทุกสิ่งเถิด

ขอให้บรรพชน ได้รับความสุข มีสุข ที่ปรารถนา หากขาดเหลือสิ่งใด ขอให้บรรพชนโปรดรับรู้ว่า คราหน้าข้าพเจ้า จะนำมาเซ่นสรวงให้ครบถ้วนอีก

ขอให้บรรพชนโปรดบอกให้ข้าพเจ้าได้รับรู้ทางใดทางหนึ่ง ที่จะทำให้ข้าพเจ้าทราบได้ อาทิ เข้าฝันบอก เป็นต้น

ขอให้บรรพชนโปรดคุ้มครองข้าพเจ้าและวงศ์ตระกูล..............(ชื่อวงศ์ตระกูล)......ให้ร่มเย็น เจริญก้าวหน้า มั่นคง เป็นเศรษฐีต่อไป มีสุขเกษมทุกสิ่ง เถิด

ขอให้บรรพชนรับรู้ว่า ลูกหลานทั้งหมด จะได้สืบวงศ์ตระกูล เพื่อให้วงศ์ตระกูลของท่านในเมืองไทย ปรากฏคงอยู่ต่อไป อย่างมิอับจน และกระเดื่องในชื่อ

ขอให้บรรพชน อนุโมทนาในบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำครานี้ และโปรดอภิบาลข้าพเจ้าทุกคน ในวงศ์ตระกูลให้มีสุข ผาสุก ตลอดไป

(ปักธูปอธิษฐาน) แล้วเซ่นไหว้เครื่องบูชา

จัดเตรียมอาหารเซ่นสรวง พระภูมิ รุกขเทพที่ปกปักคุ้มครอง และให้ทานแก่ วิญญาณในบ้านทุกตน ให้อิ่มสำราญคราหนึ่ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด

การเซ่นสรวงบูชาพระภูมิ ก็ให้เซ่น ณ ที่บูชา กราบไหว้ปกติ ส่วนการให้ทานเหล่าวิญญาณที่อยู่ในบ้าน หรือนอกบ้าน เป็นความดำริปรารถนาของแต่ละบุคคล กระทำได้ หรือไม่ ตามใจเถิด

หากจะกระทำ ก็จงอธิษฐาน ตามนี้ว่า

“ขอแบ่งอาหารให้เป็นทานแก่ เหล่าวิญญาณที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านของข้าพเจ้า ให้ได้รับอาหารนี้ และขอให้วิญญาณมารับอาหารที่ข้าพเจ้าจัดไว้ให้นี้ รับประทานให้อิ่มเถิด และขอจงให้โชคลาภแก่ข้าพเจ้า ตามควร เพื่อจะได้นำมาสร้างกุศล ดูแลบ้านเมือง อุปถัมภ์พระภิกษุ ในพระพุทธศาสนา และกระทำทานบุญต่าง ๆ ที่จะได้กระทำต่อไป”

(อาหารที่จะให้ทานผีนี้ หากต้องการให้ผีรับประทานเป็นอาหารพิเศษ มนุษย์สามารถนำอาหารนั้นมารับประทานโดยไม่รับประทานกับอาหารที่วิญญาณผีกินอยู่ ก็ให้บอกดังนี้)

“ขอให้ทานอาหารแก่วิญญาณในบ้าน และขอให้ท่านอนุโมทนารับผลบุญที่ข้าพเจ้าให้ทานนี้ เป็นอาหารชุดใหม่เถิด”

        

63. บทอธิษฐานสักการะขอพร ขอเงินทองจากเทพมหาโชค

(ไฉ่สิ่งเอี้ย)

สิ่งของที่ควรสักการะ ได้แก่

1. น้ำชา 7 ถ้วย
2. ดอกไม้ 7 สี
3. กิ่งทับทิม
4. น้ำเปล่าใส่ในขัน
5. ขันน้ำ (สีทอง)
6. เทียนแดง 1 คู่
7. ธูป (5 ดอก)
8. กระดาษเงิน - กระดาษทอง
9. ผลไม้(ส้มโอกลมเกลี้ยง 1 ผล ปิดกระดาษมงคลที่ผลไม้ให้มีใบติดที่ก้านด้วย)
10. กล่องเก็บทรัพย์ (เปิดฝาไว้ และในกล่องมีเงินอย่างน้อย 9 ทุกสิ่ง คือ เหรียญ 9 เหรียญ, ธนบัตร 9 ใบ ตามต้องการ เช่น เหรียญบาท 9 เหรียญ, เงิน 99 บาท เป็นต้น)
11. ด้ายแดงมงคลให้ใช้ผูกเงินธนบัตร หรือผูกเงินหลาย ๆ ฉบับเก็บไว้ในกระเป๋า (อย่าน้ำมาใช้) นำเงินมาเข้ากระเป๋า เพิ่มทรัพย์ (และจงขยันทำกินอย่างสุจริต จะมีเงินเพิ่ม)

(จัดเตรียมสิ่งของให้ครบตามรายการที่บอกนี้ เพื่อใช้ในการทำพิธีไหว้ เพื่อขอเงิน ขอโชคติดตัว ใช้ดำรงชีพในทางสุจริตด้วยบุญของผู้ขอทุกคน)

คำอธิษฐาน -

“ข้าพเจ้านาย/นาง/นางสาว.....นามสกุล.....ขอเซ่นไหว้เทพมหาโชค ในปีใหม่วันตรุษจีนครั้งนี้ ขอให้ทุกคนที่สักการะจงมีเงินทองมั่งคง ร่ำรวย มีโชค มีลาภ สมบูรณ์พูนสุข อิ่มสำราญ ไม่อด ทำกิจการค้าเจริญยิ่ง ทำงานต่าง ๆ ก้าวหน้าตลอดไม่ตกต่ำ ไม่ขาดทุน”

“ข้าพเจ้าขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้ จงมาช่วยให้ข้าพเจ้ามีเงินทองมากมาย เป็นคนมีทรัพย์ตลอดไปเทอญ”

นำกล่องเก็บทรัพย์ที่มีเงิน 9 นำนั้นเก็บไว้ที่ภาชนะเก็บเงินเพื่อเรียกทรัพย์เข้าบ้าน

น้ำในขันทองนั้น จงนำกิ่งทับทิมจุ่มแล้วพรมลงสิ่งของเป็นน้ำมนต์ทิพย์ได้ จะทำให้สินค้าซื้อง่ายทุกสิ่ง และใช้วาจาอ่อนหวานในการทำการค้า เพื่อให้มีลูกค้ามาก



64. บทอธิษฐานบูชาพระ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และระลึกถึง

บรรพบุรุษที่สิ้นไปในวันไหว้บรรพชน (เช็งเม้ง)

ข้าพเจ้าขอบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ที่ข้าพเจ้าบูชา ณ ที่แห่งนี้ และขอให้บุญที่ข้าพเจ้าปฏิบัติ รักษาศีล เจริญธรรม ให้ทาน นานาบุญที่มี จงสนองให้ข้าพเจ้า วงศ์ตระกูลได้รับความสุข มีสุข เถิด

ขอให้ข้าพเจ้า วงศ์ตระกูล .....(ชื่อวงศ์ตระกูล)..... ได้รับความสุขดังหวัง ดังคิดทั้งหมด ขอให้มีความเจริญก้าวหน้า ดังที่หวังทั้งหมด ขอให้บรรพชนรักษาลูกหลานทุกคนด้วยเถิด

อาหารที่ลูกหลานนำมาเซ่นท่านนี้ ขอให้ท่านบรรพชนรับรู้ และมารับเครื่องเซ่นนี้ด้วย ขอให้บรรพชนรับประทานให้อิ่มเถิด

ขอให้บรรพชนปกปักช่วยเหลือข้าพเจ้า ให้สมหวังในสิ่งที่ต้องการด้วยเถิด ขอให้บรรพชนรักษาข้าพเจ้า ให้เจริญ เจริญต่อไป ไม่อับ ตกยาก ขอให้บรรพชนดูแลด้วยเถิด

ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าได้ทำครานี้ จงสนองให้บรรพชนได้รับผลบุญในทุกภพที่อยู่ แม้จะไม่สามารถรับได้ทั้งหมด ก็ขอให้อนุโมทนาในสิ่งที่ลูกหลานกระทำครานี้ และขอให้บรรพชนพ้นทุกข์โดยไว ด้วยบุญที่ข้าพเจ้าอธิษฐานแบ่งให้

“ข้าพเจ้าขอแบ่งบุญที่มีอยู่ให้แก่บรรพชนของข้าพเจ้าทุกคน ทั้ง บรรพชนผู้เป็นพ่อ บรรพชนผู้เป็นแม่ ด้วยเถิด”

หากจะกระทำทานบุญ สงเคราะห์เหล่าวิญญาณทุกตน ที่ไม่ใช่เครือเชื้อสาย ก็ให้ใช้บทอธิษฐานที่สอนมาดังกล่าวก่อนหน้านี้ได้



65. บทอธิษฐาน เซ่นไหว้วิญญาณบรรพชน (ฮวงซุ้ย)

“ขอบูชากราบไหว้บรรพชนทุกคน ขออุทิศอาหารนี้ ให้แด่บรรพชน ขอบรรพชนคุ้มครองทุกคนในวงศ์ตระกูล ให้มีความสุข ด้วยเทอญ"



66. บทอธิษฐาน “ไหว้ขนมบะจ่าง”

“ข้าพเจ้าขอเซ่นไหว้ เทพบุตร เทพธิดา พรหม (เซียนของจีน) ด้วย ขนมบะจ่าง นี้

ขอให้ทุกท่านโปรดรับขนมนี้ ด้วยเถิด”

(การเซ่นไหว้สิ่งบูชา อาหาร “ขนมบะจ่าง” ตามธรรมเนียมจีน ผู้เซ่นไหว้ ขอให้จัดเตรียมดอกไม้ ร่วมบูชาด้วย จะเป็นสิ่งมงคล และน้ำสะอาด 1 ถ้วยแก้ว และใบทับทิม เพื่อให้เทพปลุกเสกเป็นน้ำทิพย์ใช้ดื่ม หรือใช้เก็บไว้อธิษฐานตามประสงค์ได้)



67. บทอธิษฐานในวันสารท ของธรรมเนียมชาวจีน

(วันสารทจีน)

วันสารทจีน ผู้ที่จะบูชากราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน ก็ใช้คำอธิษฐาน ว่า

“ขอถวายอาหารนี้แด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มภัย คุ้มครองครอบครัวข้าพเจ้าทั้งหมด”

หากจะทำทานอาหารแก่เหล่าวิญญาณอื่น ด้วยอาหาร สามารถอธิษฐาน ดังนี้

“ขอให้ผลแห่งทานนี้ จงเป็นอาหารพิเศษชุดใหม่ แก่เหล่าวิญญาณนั้น และขอให้พร้อมทั้งอาหาร เครื่องใช้ทุกอย่าง ครบถ้วน เหมือนกับอาหาร เครื่องใช้ที่ข้าพเจ้าส่งไปให้เป็นทานครานี้

ขอให้วิญญาณทุกตน ที่อยู่บริเวณนี้ หรือได้ยินคำให้ทาน จงรับผลบุญ และอนุโมทนาบุญนี้เถิด”

กล่าวแผ่เมตตา พลีทานบุญ ว่า

“ขอแผ่ผลบุญนี้เป็นทานแก่เหล่าวิญญาณที่อนุโมทนา ขอวิญญาณนั้น จงรับสิ่งที่ข้าพเจ้าให้ทานนี้ และอนุโมทนา สาธุ”

(บทอธิษฐานท้ายนี้ ก็เพื่อให้แก่ เหล่าวิญญาณที่รับรู้ภายหลังการให้ทาน และได้อธิษฐานรับบุญ อนุโมทนา จากบุญที่มีผู้ให้ไว้)



68. บทอธิษฐานบูชาเทพพระจันทร์

(วันไหว้พระจันทร์ – ธรรมเนียมจีน)

“ข้าฯ ขอบูชา จันทราเทพบุตร เทพธิดา ทุกองค์ ผู้มีสุขบนสรวงสวรรค์

ขอบูชาด้วย อาหาร ผลไม้ น้ำ เครื่องบูชาหลายสิ่ง อันมี (แจงสิ่งที่บูชาด้วยการอธิษฐานจิต) และขอให้จันทราเทพบุตร เทพธิดาทุกองค์ โปรดมารับเครื่องบวงสรวงนี้ และโปรดให้พรแก่ปวงข้าพเจ้า และวงศ์วานในตระกูล ให้มีสุข ถ้วนทั่วทั้งหมด

ขอให้การบูชานี้ เป็นเทวะบูชาผล เพื่อยังประโยชน์สุขแก่ครอบครัวของข้าพเจ้า ทั้งหมดเทอญ”



69. บทอธิษฐานในเทศกาล ถือศีลกินผัก

(ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปน)

ข้าพเจ้าขอถือศีล ไม่เบียดเบียนสัตว์ เป็นอาหาร ขอผลบุญนี้ที่ข้าพเจ้ารับประทานอาหารที่มีแต่พืช ไม่มีเนื้อสัตว์ จงถึงแก่ พ่อแม่ของข้าพเจ้า ทุกคนในวงศ์ตระกูล บรรพชนของพ่อและแม่ บุตร หลาน เหลน อีกทั้งวงศ์ตระกูลต่อ ๆ ไป ของข้าพเจ้า ให้มีสุข เจริญสุขต่อไป อย่างดี ไม่มีทุกข์ภัย ขอให้ทุกคนได้รับความสุข ดังที่หวังทั้งหมด ขอให้มีอาหารบริโภคสมบูรณ์ ไม่อด ไม่ทุกข์ มีทุกสิ่งตามนึก

ขอให้ทานบุญ ที่ข้าพเจ้าให้ และการงดเว้นรับประทานเนื้อเป็นจำนวน ......(ระบุวัน....) ครานี้ จงได้ปรากฏผลแก่ทุกคนที่ข้าพเจ้าอธิษฐานทั้งหมดเถิด

(การรักษาศีลนี้ เป็นผลบุญเฉพาะบุคคล พิธีการบูชา เทพนพเคราะห์ของหมู่เทพบุตร หรือพรหม (เซียน) ที่มาโปรดสัตว์นั้น เป็นพิธีพิเศษ มนุษย์ผู้ใด หากจะบูชา ก็นำสิ่งของไปร่วมบูชาตามประสงค์ ก็จะได้รับพรจากเทพนพเคราะห์ที่ลงมาโปรดได้ หรือหากจะปฏิบัติธรรมบูชา อธิษฐานบุญแบ่งให้แก่ เทพนพเคราะห์ เพื่อขอบุญของเทพนพเคราะห์ช่วยเหลือ รักษา ก็อธิษฐาน ดังนี้

“ข้าพเจ้า ขอบูชาเทพนพเคราะห์ทุกองค์ ที่มาโปรดข้าพเจ้า ในการพิธีรักษางดเว้นการรับประทานเนื้อ รับประทานพืชอาหาร ไม่มีเนื้อสัตว์ บริสุทธิ์

และ การสวดมนต์ กระทำตน เจริญสมาธิ สมถกรรมฐาน หรือการบ่มจิตให้เกิดบุญ ด้วยการชักประคำ ก็ได้ เจริญมนต์บทยาว ก็ได้บุญ จะเป็นสิ่งใด ตามที่ผู้ประพฤติปฏิบัติ ผลบุญต่าง ๆ ที่กระทำ ย่อมช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีสุขเสมอได้ ดังเช่น “บุญสนอง ด้วยการกระทำของตน”)



70. บทอธิษฐาน “ไหว้ขนมบัวลอย”

“ข้าพเจ้าขอเซ่นไหว้ เทพบุตร เทพธิดา พรหม (เซียนของจีน) ด้วยขนมบัวลอย นี้

ขอให้ทุกท่านโปรดรับขนมนี้ ด้วยเถิด”

(การเซ่นไหว้ “ขนมบัวลอย” ตามธรรมเนียมจีน ผู้เซ่นไหว้ ขอให้จัดเตรียมดอกไม้ ร่วมบูชาด้วย จะเป็นสิ่งมงคล และน้ำสะอาด 1 ถ้วยแก้ว และใบทับทิม เพื่อให้เทพปลุกเสกเป็นน้ำทิพย์ใช้ดื่ม หรือใช้เก็บไว้อธิษฐานตามประสงค์ได้)



71. การเผากระดาษเงิน กระดาษทอง (ธรรมเนียมจีน)

การเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ตามธรรมเนียมของชาวจีนนั้น ไม่สามารถที่จะทำให้ เงินทองที่เผาไป ไปถึงญาติผู้ล่วงลับ เป็นวัตถุสิ่งของที่เผาได้เลย ด้วยวัตถุนั้นแปรสภาพจากการเผาไฟ จนเป็นขี้เถ้า

หากปรารถนาจะให้ญาติผู้ล่วงลับได้รับสิ่งของเป็นสิ่งมีค่า ได้ใช้อย่างอิ่มหนำสุข มั่งมีในภพที่ต้องการ ก็จงสร้างบุญ อาทิ ถวายทานใส่บาตร เป็นต้น หรือ การสร้างบุญต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา ก็ได้ ก็จะทำให้กุศลนี้ ส่งถึงแก่ญาติผู้ล่วงลับได้ เป็นสิ่งของดังที่ท่านประสงค์ทำไว้
 
แหล่งข้อมูลโดย

การฝึกกรรมฐาน แนวกสิณ


เคล็ดลับการฝึกกรรมฐาน แนวกสิณ

การฝึกปฏิบัติพระกรรมฐาน ก่อนปฏิบัติควรมีการบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยดอกไม้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพุทธ และถือเป็นการบูชาครูด้วย อันเป็นปฏิบัติวิธีที่มีมาแต่อดีตกาล

ผู้ฝึกกรรมฐาน ควรเตรียมดอกไม้ธูปเทียน เพื่อกราบบูชาพระ และเป็นการแสดงความเคารพนบนอบ ต่อครูอาจารย์ผู้ให้วิชาความรู้... "ปัญญา ย่อมเกิดกับผู้มีความกตัญญู"



วิธีฝึกปฏิบัติกรรมฐาน แนว กสิณ

ก่อนฝึกปฏิบัติกรรมฐาน ให้ผู้ปฏิบัติ กราบ 5 ครั้ง

ขอบูชาพระพุทธเจ้า , ขอบูชาพระธรรม , ขอบูชาพระสงฆ์

ขอกราบพ่อ แม่ (ทุกภพทุกชาติ) , ขอกราบครูอาจารย์ ครูอุปัชฌาย์

(ทุกภพทุกชาติ)

* กรณีผู้ปฏิบัติเป็นชาย ให้ระลึกถึงครูอุปัชฌาย์(ทุกภพทุกชาติ) ด้วยนั่งสำรวมใจ ให้สงบ หลับตามองตรงไกลออกไปข้างหน้า โดยไม่ต้องใช้คำภาวนา หรือกำหนดลมหายใจ ให้ถือปฏิบัติรอบละ 30 นาทีแล้วพัก

(หากรู้สึกปวดเมื่อย ก็สามารถเปลี่ยนท่านั่ง หรือผ่อนคลายอิริยาบถได้)

แหล่งข้อมูลโดย
http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=552.0;wap2

Saturday 2 February 2013

ประวัติหลวงปู่ทวด

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ประวัติอันพิสดารของท่านมีเล่าสืบกันมาไม่รู้จบสิ้น ยิ่งนานวันยิ่งซับซ้อนและขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาอย่างฝังใจ

หลวงปู่ทวดเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องราวต่อไปนี้ผู้เขียนได้รวบรวมจากหนังสืออ้างอิงหลายเล่มทั้งที่เป็นตำนานหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หนังสือและเอกสารต่างๆ พอจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า หลวงพ่อทวดคือใคร เกิดในสมัยใดและได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระศาสนาไว้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป



ทารกอัศจรรย์

เมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมาในตอนปลายรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา ณ หมู่บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทิ้งพระตรงกับวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2125 ได้มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำเนิดจากครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตอันเป็นกุศล ชอบทำบุญสุนทานยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ปราศจากการเบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทารกน้อยผู้

นี้มีนายว่า “ปู” เป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ในขณะเยาว์วัย ทารกผู้นั้นยังความอัศจรรย์ให้แก่บิดามารดาตลอดจนญาติพี่น้องทั้งหลาย ด้วยอยู่มาวันหนึ่งมีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อยนอนหลับอยู่ และงูใหญ่ตัวนั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดามารดาของเด็กเกิดความสงสัยว่า พญางูตัวนั้นน่าจะเป็นเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของลูกเราเป็นแน่แท้ จึงรีบหาข้าวตอกดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสักการะ งูใหญ่จึงคลายลำตัวออกจากเปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว บิดามารดาทั้งญาติต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏว่าเด็กชายปูยังคงนอนหลับอยู่เป็นปกติ แต่เหนือทรวงอกของทารกกลับมีดวงแก้วดวงหนึ่งมีแสงรุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี ตาหู นางจันทร์จึงเก็บรักษาไว้ นับแต่บัดนั้นฐานะความเป็นอยู่การทำมาหากินก็จำเริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับอยู่สุขสบายตลอดมา

สามีราโม

เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำไปฝากสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือเด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ได้ทำการอุปสมบทมีฉายาว่า “ราโม ธมฺมิโก” แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า “เจ้าสามีราม” หรือ “เจ้าสามีราโม” เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอแล้วจึงขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นทะเลปั่นป่วน เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึงเจ็ดวัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมดบรรดาลูกเรือตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดเหตุอาเพศในครั้งนี้เพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง

เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ท่านขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้นมาเจ้าสามีรามก็เป็นชีต้นหรืออาจารย์สืบมา

เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา ก็ได้ไปพำนักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่ วัดลุมพลีนาวาส ต่อมาได้ไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั้นจนเชี่ยวชาญจึงทูลลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาที่วัดราชนุวาส เมื่อประมาณ พ.ศ. 2149 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ



สถูปเจดีย์ หลวงปู่ทวด

รบด้วยปัญญา

กระทั่งวันหนึ่งถึงกาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงปู่ทวดหรือเจ้าสามีรามจะระบือลือลั่นไปทั่วกรุงสยาม จึงได้มีเหตุพิสดารอุบัติขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคือ สมัยนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกา ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ คิดแก้มือด้วยการท้าพนันแปลธรรมะ และต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทอง ใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่ปรารถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิตแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนการเมืองด้วยสันติวิธี คิดหาทางรวบรัดเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นสำคัญ เมื่อคิดได้ดังนั้น พระเจ้ากรุงลังกาจึงมีพระบรมราชโองการสั่งให้พนักงาน ท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำบริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำราชสำนักไปหล่อ ทองคำเหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำนวน 84,000 ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่าอันมีฐานะเทียบเท่าปุโรหิตจำนวนเจ็ดท่านคุมเรืองสำเภาเจ็ดลำบรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณ และของมีค่าออกเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์

เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่าพระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปลและเรียบเรียงเมล็ดทองคำตามลำดับให้เสร็จภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไป ถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกๆ ปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย

พระสุบินนิมิต

รูปหล่อหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ วัดพะโคะ

เมื่อพระเอกาทศรถทรงทราบความ ดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สังฆการีเขียนประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระเถระทั่วพระมหานคร ให้กระทำหน้าที่เรียบเรียงและแปลตัวอักษรทองคำในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดสามารถเรียบเรียงและแปลอักษรทองคำในครั้งนี้ได้จนกาลเวลาลุล่วงผ่านไปได้หกวัน ยังความปริวิตกแก่พระองค์และไพร่ฟ้าประชาชนต่างพากันโจษขานถึงเรื่องนี้ให้อื้ออึงไปหมด

ครั้นราตรีกาลยามหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระบรรทมทรงสุบินว่า ได้มีพระยาช้างเผือกลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสารเชือกหนึ่ง ผายผันมาจากทางทิศตะวันตก เยื้องย่างเข้ามาในพระราชนิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดตระหง่านบนพระแท่นพลางเปล่งเสียงโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงที่โกญจนาทด้วยอำนาจของพระยาคชสารเชือกนั้นยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระบรรทม

รุ่งเช้าเมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการ ได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบถวายบังคมทูลว่า เรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวง ทั้งจะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศตะวันตก มาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำปริศนาได้สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ฟังดังนั้นจึงค่อยเบาพระทัย และรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งมวลออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที

อักษรเจ็ดตัว

ต่อมาสังฆการีได้พยายามเสาะแสวงหาจนไปพบ “เจ้าสามีราม” ที่วัดราชานุวาส และเมื่อได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงในปัจจุบัน) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย สังฆการี จึงเล่าความตามเป็นจริงให้เจ้าสามีรามฟังทั้งได้อ้างตอนท้ายว่า “เห็นจะมีท่านองค์เดียวที่ตรงกับพระสุบินของพระเจ้าอยู่หัว จึงใคร่ขอนิมนต์ให้ไปช่วยแก้ไขในเรื่องร้ายดังกล่าวให้กลายเป็นดี ณ โอกาสนี้” ครั้นแล้วเจ้าสามีรามก็ตามสังฆการีไปยังที่ประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้พนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันควร พราหมณ์ทั้งเจ็ดคนได้ประมาทเจ้าสามีรามโดยว่า เอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปริศนา เจ้าสามีรามก็แก้คำพราหมณ์ว่า กุมารเมื่ออกมาแต่ครรภ์พระมารดา กี่เดือนกี่วันจึงรู้คว่ำ กี่เดือนกี่วันจึงรู้นั่ง กี่เดือนกี่วันจึงรู้คลาน จะว่ารู้คว่ำแก่ หรือจะว่ารู้นั่งแก่ หรือจะว่ารู้คลานแก่ ทำไมจึงว่าเราจะแก้ปริศนาธรรมมิได้ พราหมณ์ก็นิ่งไปไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ จากนั้นจึงรีบนำบาตรใส่อักษรทองคำเข้าไปประเคนแก่เจ้าสามีราม


ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานว่า “ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาที่รักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสำเร็จสมปรารถนาเถิด”
ครั้นแล้วท่านก็คว่ำบาตรเทอักษรทองคำเริ่มแปลปริศนาธรรมทันที ด้วยอำนาจบุญญาบารมี กฤษดาภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา กอปรกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เดชะบุญญาบารมีในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาทั้งหลายจึงดลบันดาลให้ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรจากเมล็ดทองคำ 84,000 ตัว เป็นลำดับโดยสะดวกไม่ติดขัดประการใดเลย

ขณะที่ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฏว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไปเจ็ดตัวคือ ตัว สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ด พราหมณ์ทั้งเจ็ดก็ยอมจำนวน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดี ปรากฏว่าท่านแปลพระไตรปิฎกจากเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น

รูปหล่อหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดห้วยมงคลรูปหล่อหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดห้วยมงคล

พระราชมุนี

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้แก่เจ้าสามีรามให้ครอง 7 วัน แต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะ พระองค์ก็จนพระทัยแต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้ จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” ในเวลานั้น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์หรือหลวงพ่อทวดได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปี ด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

โรคห่าเหือดหาย

ต่อจากนั้น กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดไปทั่วเมือง ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตายลงเป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นิยมใช้รักษาป้องกันด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยพระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมากเพราะไม่มีวิธีใดจะช่วยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้ ทรงระลึกถึงพระราชมุนีฯ มีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ช่วยไว้อีกครั้งโดยรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยและดวงแก้ววิเศษ แล้วทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมแก่ประชาชนทั่วทั้งพระนคร โรคห่าก็หายขาดด้วยอำนาจ คุณความดีและคุณธรรมอันสูงส่ง ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชมีนามว่า “พระสังฆราชคูรูปาจารย์” และทรงพอพระราชหฤทัยในองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งว่า “หากสมเด็จเจ้าฯ ประสงค์สิ่งใด หรือจะบูรณะวัดวาอารามใดๆ ข้าพเจ้าจะอุปถัมภ์ทุกประการ”

กลับสู่ถิ่นฐาน

ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิม พระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า “สมเด็จอย่าละทิ้งโยม” แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา

ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำเภอปากพนัง ที่หัวลำภูใหญ่ อำเภอหัวไทร และอีกหลายแห่ง

สมเด็จเจ้าพะโคะ

รูปหล่อหลวงปู่ทวด วัดเอี่ยมวรนุช

ต่อจากนั้น ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นจุดหมายปลายทาง ประชาชนต่างซึ่งชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ และได้พร้อมกันถวายนามท่านว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะ” และเรียกชื่อวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่า “วัดพะโคะ” มาจนบัดนี้ สมเด็จเจ้าฯ เห็นวัดพระโคะเสื่อมโทรมมาก เนื่องจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมือนวัดร้างสมเด็จเจ้าฯ กับท่านอาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำนาญ 500 คน และทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ่งสำคัญในวัดพะโคะหรือ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระอรหันต์นามว่าพระมหาอโนมทัสสีได้เป็นผู้เดินทางไปอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียสมเด็จเจ้าฯ ได้จำพรรษาเผยแผ่ธรรมที่วัดพะโคะอยู่หลายพรรษา





เหยียบน้ำทะเลจืด

ขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่า ท่านมีอายุกาลถึง 80 ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น 3 คด ชาวบ้านเรียกว่า “ไม้เท้า 3 คด” ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ในที่สุดน้ำจืดที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยกระหายน้ำเป็นอย่างมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกโจรจีนไปได้

เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเลแล้วก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวกโจรจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืดเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป

เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่งท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอา “ไม้เท้า 3 คด” พิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนไปจากสภาพเดิมกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่าต้นยางไม้เท้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ถึงทุกวันนี้

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงปู่ทวดครองสมณเพศและจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฎร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนตลอดมา

สังขารธรรม

หลังจากนั้นหลายพรรษา สมเด็จเจ้าฯ หายไปจากวัดพะโคะเที่ยวจาริกเผยแผ่ธรรมะไปหลายแห่ง จากหลักฐานทราบว่าท่านได้ไปพำนักที่เมืองไทรบุรี ชาวบ้านเรียกท่านว่า “ท่านลังกา” และได้ไปพำนักที่วัดช้างไห้ ชาวบ้านเรียกท่านว่า “ท่านช้างให้” ดังนี้ ท่านได้สั่งแก่ศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพเมื่อใด ขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย ขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเหลืองไหลลงสู่พื้นดิน ที่ตรงนั้นให้เอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้างหน้าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มาไม่นานเท่าไร ท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ปวงศาสนิกก็นำพระศพมาไว้ที่วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สถานที่ที่สมเด็จเจ้าฯ เคยพำนักอยู่ หรือไปมา นับได้ดังนี้ วัดกุฎิหลวง วัดสีหยัง วัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช กรุงศรีอยุธยา วัดพะโคะ วัดเกาะใหญ่ วัดในไทรบุรี และวัดช้างให้

ปัจฉิมภาค

สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญาญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหาริย์ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่สถานที่ใด ที่นั่นจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจาริกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม หลักการปฏิบัติของท่านเป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์คือช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ สมดังคำว่า “พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ” ตลอดไป

 
http://www.itti-patihan.com/ประวัติ-หลวงปู่ทวด-เหยียบน้ำทะเลจืด-วัดช้างให้/ประวัติหลวงปู่ทวด-หน้า-2.html