พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง - พระบรมธาตุแบบลังกา

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง -  พระบรมธาตุแบบลังกา

เสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ..คลิกตรงรูป อ่านพระประวัติโดยย่อ..

Sunday 9 December 2012

อภิญญา 6

 อภิญญามี ๖ อย่าง ได้แก่
๑) อิทธิวิธอภิญญา (มีปัญญาสามารถแสดงฤทธ์ได้)
๒) ทิพพโสตอภิญญา (มีปัญญาสามารถได้ยินเสียงที่อยู่ในที่ไกลหรือแม้เสียงทิพย์ได้)
๓) ปรจิตตวิชชานนอภิญญา (มีปัญญาสามารถรู้วาระจิตผู้อื่นได้)
๔) ปุพเพนิวาสานุสสติอภิญญา (มีปัญญาสามารถระลึกถึงขันธ์ของตนในภพก่อนๆได้)
๕) ทิพพจักขุอภิญญา (มีปัญญาสามารถมีเห็นสิ่งที่อยู่ไกลหรือแม้สิ่งที่เป็นทิพย์ได้)
๖) อาสวักขยอภิญญา (มีปัญญาสามารถกระทำอาสวะให้สิ้นไป)

อภิญญา ๕ อย่าง (ยกเว้นอย่างที่ ๖ คือ อาสวักขยญาณ) เป็นโลกียอภิญญา เกิดขึ้นด้วยการเจริญสมถกรรมฐาน จนได้สมาบัติ ๘ ได้แก่ รูปฌาน ๔ (โดยจตุกนัย) และ อรูปฌาน ๔ และหลังจากได้ฌานทั้ง ๘ นี้แล้ว ต้องฝึก ฌานกีฬา ด้วย จึงจะสามารถแสดงอภิญญาได้ ส่วนอภิญญาข้อสุดท้าย เป็นโลกุตรอภิญญา องค์ธรรมได้แก่ อรหัตมรรคญาณ ซึ่งเกิดจากการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

อานาปานสติกรรมฐาน ปฏิบัติได้ถึงรูปฌานที่ ๔ แต่ไม่เป็นบาทของ อรูปฌาน เพราะ อรูปฌานที่ ๑ คือ อากาสานัญจายตนฌาน เกิดขึ้นได้โดยการเพิกกสิณบัญญัติ แล้วมี " กสินุฆาฏิมากาสบัญญัติ " เป็นอารมณ์ หมายความว่า ต้องเจิรญกสินกรรมฐาน จึงจะเจริญอรูปฌานต่อได้

ฉะนั้น อานาปานสติกรรมฐานอย่างเดียวจึงไม่เป็นบาทของอภิญญา ผู้ที่จะได้อภิญญา ต้องเจริญกสินกรรมฐานจนได้รูปฌานที่ ๔ แล้ว " เพิกกสิน " เจริญอรูปกรรมฐาน ๔ อย่างตามลำดับ จนสำเร็จ แล้วต้องฝึกฝน " ฌานกีฬา " จนเกิดความชำนาญ เมื่อทำได้ดังนี้จึงจะแสดงโลกียอภิญญา ๕ อย่างได้

อนึ่ง อภิญญาเกิดจากการ เจริญสมถกรรมฐาน ไม่เกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐานซึ่งเป็นวิปัสสนากรรมฐาน

อานิสงส์ของสมถกรรมฐาน คือ ฌาน และ อภิญญา ส่วนอานิสงส์ของวิปัสสนากรรมฐาน คือ มรรค ผล นิพพาน

ข้อมูลจาก http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003261.htm




แม่ชีบุญเรือน โฮงบุญเติม (ผู้มีอภิญญา 6)

แม่ชีก็เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ใฝ่ธรรมะ ถือศีล 5 มาตลอด บางช่วงก็ถือศีล 8 แล้วหาครูอาจารย์ให้สอนทางสมาธิวิปัสสนา ซึ่งแม่ชีก็พยายามปฏิบัติ แต่ก็ยังไม่บรรลุมรรคผลอะไร
 
แม่ชีจะปฏิบัติธรรมที่วัดอาวุธฯ (วัดบางพลัด) แถวจรัลสนิทวงศ์ ซึ่งวัจฉโคตรก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หลังจากที่ปฏิบัติแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แม่ชีบุญเรือนก็ตัดสินใจถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัว หันมาอยู่วัดมากขึ้น วันหนึ่งจึงตั้งสัจจะอธิษฐานว่า "จะมุ่งปฏิบัติอย่างเอาเป็นเอาตายให้ได้ภายใน 90 วัน" แล้วเริ่มปฏิบัติอย่างเอาจริง ทั้งการรักษาศีล 8 ให้บริสุทธิ์ที่สุด การนั่งสมาธิ-วิปัสสนา เดินจงกรมอย่างไม่ย่อท้อ จนถึงวันที่ 89 ก็ยังไม่พบอะไร ดังนั้นในวันสุดท้าย แม่ชีได้ตั้งสัจจะอีกครั้งว่า ถ้าไม่บรรลุมรรคผล ก็ขอยอมตาย และวันที่ 90 นั้นเอง ท่านนั่งสมาธิอยู่ก็เกิดอาการหายใจไม่ออก ร่างกายเหมือนจะแตกดับ ท่านก็นึกในใจว่า ตายก็ตายไม่เสียดายชีวิตแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างไสว กายของท่านโปร่งเบา รู้เห็นอะไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่านจึงรู้ว่าท่านบรรลุได้อภิญญา 6 แล้ว (มีฤทธิ์เดช เช่น เหาะได้ หายตัวได้ เดินทะลุกำแพง-ภูเขาได้ เดินบนน้ำได้ ฯลฯ)
 
แม่ชีบุญเรือนได้ใช้อภิญญาของท่านช่วยรักษาโรคให้กับคนทั่วไป และได้ผลดี มีลูกศิษย์มากมาย ท่านเดินทางไปรักษาทั่วประเทศ และส่วนใหญ่จะอยู่ที่วัดอาวุธฯ  ยาของท่านไม่มีอะไรมากมาย เช่น น้ำ-ไพล-ปูน-พริกไทย โดยท่านจะอธิษฐานให้สิ่งเหล่านี้มีพลังสามารถรักษาโรคได้
 
แม่ชีละสังขารเมื่อปี 2507 ทุกวันนี้ที่วัดอาวุธฯ (วัดบางพลัด) ก็มีลูกศิษย์มากราบไหว้บูชาโดยมีรูปปั้นของท่านประดิษฐานไว้ให้คนกราบไหว้
 

No comments:

Post a Comment