พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง - พระบรมธาตุแบบลังกา

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง -  พระบรมธาตุแบบลังกา

เสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ..คลิกตรงรูป อ่านพระประวัติโดยย่อ..

Sunday 12 August 2012

พระคุณพ่อแม่ (ในวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. 2555)

 
เมื่อใดที่สามารถค้นพบ"อภิญญา" เมื่อนั้นก็จะสามารถเห็นภัยและเห็นเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดนับอนันตชาติ
แล้วคุณก็จะตระหนักอย่างลึกซึ้งเลยว่า..พ่อแม่..ผู้ให้กำเนิดในช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาได้อุบัติขึ้นมา ซึ่งนับเป็นพ่อแม่ผู้มีบุญคุณอย่างสูงสุด..เหนือพ่อแม่ในชาติอื่นใดทั้งหมดทั้งสิ้น..จงรีบตัดสินใจเมื่อเวลายังมีว่าจะ..ตอบแทนพระคุณอย่างไร?

...คุณพ่อ สมปอง ศรีอินทร์  คุณแม่ อารีย์ ศรีอินทร์  และคุณอนิรุตติ์ ศรีอินทร์ (ลูกคนที่ 2)
ขอขอบพระคุณ พี่สาว ศิราณี ธอร์ป สำหรับข้อความข้างบน...
 

วันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. ปี พ.ศ. 2555

คนไทยมีแม่ของแผ่นดินคือ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ ฯ  แต่ยังมีแม่อีกเป็นล้าน ๆ คนที่ยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทย รวมถึงผู้หญิงในภาพนี้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุด ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำได้เท่าเธออีกแล้ว ภาพในวัยเด็กจนโต ไม่เคยเห็นแม่หยุดทำงาน ถึงแม้งานนั้นจะลำบากขนาดไหน เหนื่อยขนาดไหน แต่เพื่อลูกได้เรียนหนังสือ เพื่อมีโอกาสในสังคม แม่มีลูก 4 คน และทุกคนจบการศึกษาปริญญาตรีทุกคน ซึ่งสำเร็จได้เพราะความรักที่แม่มอบโอกาสให้กับลูก

แม่คือ ผู้สร้าง ผู้ให้ แม่เสียสละได้ทุกอย่าง เพื่อลูกทุกคนจริง ๆ  แม่คือ บุคคลที่มีความเข้มแข็ง ความโอบอ้อมอารี ความเมตตาและความกรุณา

พระคุณของแม่ยิ่งใหญ่มากเกินกว่าจะทดแทนได้หมด ไม่ว่าจะทำดี ทำบุญสร้างกุศลมากสักเพียงใด ก็คงไม่เทียบเท่ากับการทำให้แม่ได้มีความสุข โดยการเป็นลูกที่ดีเพียง 1 ครั้ง

ในวันแม่ปีนี้ ลูกขออวยพรให้แม่ (รวมถึงพ่อ) มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้ามีสิ่งใด ๆ ที่ิประสงค์ไม่ดีต่อแม่ ขอให้สิ่งนั้นไม่สามารถมีอิทธิพล เกิดผล หรือขอให้แพ้พ่ายความดีของแม่ ขอให้คุณความดีที่อยู่สากลโลกนี้ จงเป็นเกราะคุ้มครองให้แม่ มีความสว่างไสวในทางโลก มีดวงตาเห็นธรรม และได้เข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ...

Tuesday 7 August 2012

อวิชชา ๘

อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้ ความเขลาไม่รู้จริงในสิ่งต่าง ๆ คือ

1. ไม่รู้จักทุกข์ คือคนส่วนใหญ่เคยประสบกับทุกข์มาทั้งนั้น ทั้งทุกข์ทางกายที่เกิดจากปัจจัยภายนอก (หนาว ร้อน หิว กระหาย....) หรือปัจจัยภายในที่เรียกว่าทุกข์ประจำสังขาร (ผมหงอก ฟันหัก หูพร่า ตามัว..) และทุกข์ทางใจ (เสียของรัก จากของชอบ) แต่ไม่รู้จักทุกข์ตามความเป็นจริงว่าเป็นสิ่งทนได้ยาก

2. ไม่รู้จักเหตุแห่งทุกข์ คือ ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เกิดเป็นทุกข์ เพราะส่วนใหญ่มัวแต่โทษว่าสิ่งอื่นหรือผู้อื่นสร้างทุกข์ให้กับตน โดยไม่ยอมเข้าใจว่าที่เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้เกิดจาก ตัณหา ความทะเยอะทะยานอยากในใจของตน

3. ไม่รู้จักความดับทุกข์ คือ เมื่อไม่รู้เหตุผลไม่ยอมรับว่า ตัณหา ในจิตใจของตนต่างหากเป็นตัวให้เกิดทุกข์จึงไม่รู้ว่า หากจะดับทุกข์ได้อย่างสนิทต้องดับ ตัณหา นั้นเสียก่อน

4. ไม่รู้จักทางถึงความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ถึงวิธีการที่จะทำให้ทุกข์ดับไป เพราะไม่รู้ว่าอริยมรรค ๘ เป็นแนวทางที่ผู้ปฏิบัติตามสามารถดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง

5. ไม่รู้จักอดีต คือ ไม่รู้ว่าผลชั่วที่ตนได้รับในปัจจุบันนี้ มีสาเหตุมาจากการทำความเลวไม่ดีมาก่อน อาจจะเป็นในอดีตชาติหรือในชาตินี้ คนพวกนี้มักจะมีความคิดว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เมื่อกรรมตามสนองทันในปัจจุบันวันนี้ จึงไม่รู้จักสืบสาวหาเหตุการณ์ที่ตนทำผ่าน ๆ มา เรียกว่า ไม่รู้จักเหตุ

6. ไม่รู้จักอนาคต คือ ไม่รู้ว่าความชั่วที่ตนทำในวันนี้จะส่งผลให้ตนได้รับความทุกข์ยากลำบากในวันข้างหน้า คนพวกนี้ไม่เชื่อผลของกรรมว่ามีอยู่จริง จึงไม่สามารถคาดการณ์ถึงผลที่ตนจะต้องได้รับในอนาคตได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง เรียกว่า ไม่รู้จักผล

7. ไม่รู้จักทั้งอดีตทั้งอนาคต คือ ไม่รู้ว่า ผลชั่วที่ตนได้รับในปัจจุบันที่มีสาเหตุจากการทำชั่วแต่ครั้งอดีต แล้วยังตั้งหน้าตั้งตาทำความชั่วต่อไปไม่คิดกลับตัวกลับใจ เพราะถูกความไม่รู้ปิดบังปัญญาไว้ จึงทำให้ไม่เชื่อว่า กรรมและกฎแห่งกรรมมีจริง จึงต้องก้มหน้ารับผลกรรมชั่วต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้น เพราะไม่รู้จักเชื่อมโยงเหตุในอดีตและผลในอนาคตให้สืบเนื่องถึงกันได้ เรียกว่า ไม่รู้จักทั้งเหตุและผล

8. ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท คือ ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าสภาวธรรมต่าง ๆ เป็นเหตุเป็นผลของกันและกันสืบเนื่องกันไป เหมือนกับลูกโซ่ที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นสายฉะนั้น เมื่อไม่รู้เช่นนี้จึงทำให้ต้องวนเวียนอยู่กับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างไม่รู้จักจบรู้สิ้น