พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง - พระบรมธาตุแบบลังกา

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง -  พระบรมธาตุแบบลังกา

เสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ..คลิกตรงรูป อ่านพระประวัติโดยย่อ..

Sunday 1 July 2012

ร้อยธรรมคำสอน - ป.อ. ปยุตโต

1. ธรรมดาทหารต้องมีความกล้าหาญ ถ้าทหารไม่มีความกล้าหาญก็ไม่ควรเรียกว่าเป็นทหาร แต่ในทำนองเดียวกันพระสงฆ์ก็มีหน้าที่ต้องรักษาธรรม ถ้าพระสงฆ์ไม่รักษาธรรมก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นพระสงฆ์

2. พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกว่า คนเขลามัวคำนวณดวงดาวอยู่ ประโยชน์ได้ล่วงเลยเขาไปเสียแล้ว ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจะทำอะไรได้ มัวรอฤกษ์ยามนี่มันเสียซะเยอะ พระพุทธศาสนานี่ ท่านไม่มัวรอเรื่องเหล่านี้

3. คนจำนวนมากนี่เอาทุกข์มาทับถมตัวเอง ไปเที่ยวหาเรื่องมาทุกข์ อย่างคนแก่ ๆ ก็นั่งกลุ้มใจเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มา อยู่ดี ๆ ล่ะไปคิดเรื่องอะไรต่ออะไรมาทำให้หัวสมองทุกข์ไอ้นี่เขาเรียกว่า เอาทุกข์มาทับถมตน

4. คนเรานี่เวลามีภัยคุกคาม มีทุข์บีบคั้นก็ลุกขึ้นดิ้นรนขวนขวาย พอสุขสบายก็นอนต่อไป พระพุทธศาสนาก็จึงต้องย้ำด้วยความไม่ประมาท เพราะว่า เมื่อสบายแล้วคนโน้มเอียงจะประมาท ใครทั้ง ๆ ที่สุขสบายก็ไม่ประมาทได้ก็คนนั้นแหละ เป็นคนที่ปฏิบัติธรรมได้ผล

5. มนุษย์เป็นสัตว์ที่ประเสริฐด้วยการฝึก ถ้าไม่ฝึกหาประเสริฐไม่ มนุษย์ที่ไม่มีการฝึกเป็นสัตว์ที่แย่ที่สุดกว่าสัตว์ใด ๆ ทั้งสิ้น อันนี้เป็นหลักพระศาสนา เพราะฉะนั้นจึงมีพุทธพจน์ว่า ทันโต เสฎโฐ มนุสเสสุ แปลว่า ในหมู่มนุษย์ผู้ที่ผึกแล้วประเสริฐ

6. ความเพียรของมนุษย์ เทวดาก็กีดกันไม่ได้ ว่าอย่างนั้นนะ อันนี้ก็หมายความว่า พุทธศาสนานี่ไม่ยอมแก่เรื่อง โชคชะตา ให้มีความเพียรพยายามใช้สติปัญญากำลังความสามารถแล้วจะสามารถเอาชนะแม้แต่โชคชะตาได้

7. ไม่พึงมัวหวนละห้อยความหลัง ไม่มัวเพ้อหวังอนาคต สิ่งใดล่วงแล้วก็ผ่านไป สิ่งใดยังไม่ถึงสิ่งนั้นก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้แน่นอนคือปัจจุบันนี้ ให้มองเห็นให้พิจารณาให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เมื่อมองเห็น เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วทำ

8. สังคมไทยนี่เราจะเอาแต่ผลนะ เวลาไปมองฝรั่งก็ดูว่าเขามีผลอะไรให้เราบริโภคบ้าง ก็จะรับผลนั้น ชื่นชมวนอยู่กับไอ้เรื่องผลที่จะเกิดขึ้น ไม่พยายามรู้เหตุแล้วก็ไม่ทำเหตุด้วย รู้แต่ผล เสวยผล

9. กาลเวลานี้ไม่เคยหยุด ไม่ว่าเราจะหลับ จะตื่น จะนอน จะพักอย่างไรก็ตาม กาลเวลาไม่เคยหยุด เมื่อกาลเวลาก้าวไปตลอดเวลา ถ้าเราหยุด เราก็กลายเป็นคนประมาท ไม่เจริญก้าวหน้า เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของคน นี่จะต้องก้าวอย่างน้อยก็แข่งกับกาลเวลา ให้ทันกาลเวลา

10. พุทธศาสนานี่ พูดเรื่องทุกข์เยอะเหลือเกิน ท่านสอนทุกข์ไปเพื่ออะไร คือทุกข์นี่มันต้องเจอล่ะ คนเกิดมาคนไม่เจอทุกข์มีไหม เกิดมาพุทธศาสนาไม่ได้ให้หนีทุกข์ ปัญหาเจอต้องแก้ ไม่ใช่มัวหลบหนีปัญหากันอยู่ แล้วมันจะไปได้เรื่องได้ราวอะไร

11. เพราะว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงก็เป็นหลักพึ่งตนเอง ที่ในหลวงพระราชทานไว้ แล้วก็หลักอะไรก็แล้วแต่ที่เราสอนกัน พระพุทธศาสนาก็พูดมาตลอดเวลาให้พึ่งตน และเราก็ย้ำกันตลอดเวลาว่าให้พึ่งตัวเอง แต่ว่าอย่าลืมว่าจะพึ่งตนนั้น ต้องมีตนที่พึ่งได้ จะมีตนที่พึ่งได้ก็ต้องฝึก ศึกษาพัฒนาตนนั้นขึ้นไป

12. สังคมไทยเรานี่ ถ้าจะให้เป็นการสร้างสรรค์นะ เมื่อมีการพิจารณาปัญหาต่าง ๆ นอกจากไปวิจารณ์ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วนี่มันต้องมาถึงตัวเองว่าแล้วเราจะทำอะไรกันนี่ สำคัญที่สุดเลย มันไปอยู่แค่ว่าเขา ว่าพวกนั้นไม่ดีอย่างนั้น ว่าพวกนั้นแย่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่มาถึงสักทีว่า เราจะทำอะไร นี่จุดอ่อนที่สุดเลย

13. ถามว่าเวลาเราตัดสินอะไรนี่ เราเอาอะไรเป็นเครื่องวินิจฉัย เอาความถูกต้องเป็นเกณฑ์วินิจฉัย หรือเอาความเป็นพวกเป็นเครื่องวินิจฉัย ความเป็นพวกเป็นเครื่องวินิจฉัยมันไม่มีทางจบ ก็ไม่มีทางสันติสุข ต้องทะเลาะกันเรื่อยไป

14. สมานฉันท์นั้นก็เรื่องสามัคคีนั่นแหละ ก็แปลว่ามีฉันทะ มีความต้องการตรงกันพูดง่าย ๆ ก็คือความต้องการตรงกัน เรียกว่า สมานฉันทะ นี่ก็เป็นภาษาบาลี ถ้ายังต้องการไม่ตรงกัน สมานฉันท์ก็เกิดไม่ได้ แล้วเวลานี้มีความต้องการตรงกันหรือยังละ? ถ้ายังไม่ตรงกัน มันก็ไม่มีสมานฉันท์

15. คนทางใต้ พระทางใต้ท่านก็เล่าให้ฟังบอกว่า นี่ในภาคใต้เราที่เป็นมาสมัยก่อนนี่ คนไทยพุทธ ไทยมุสลิมอยู่ด้วยกัน เวลาคนมุสลิมสร้างมัสยิด คนไทยพุทธไปช่วยสร้าง เวลาชาวพุทธสร้างโบสถ์ชาวมุสลิมก็เลยมาช่วยสร้างด้วย นี่อย่างนี้เป็นสภาพที่หาได้ยาก มันไม่มีที่ไหนในโลก

16. การแสดงความเห็นนั้น มันต้องมาคู่กับการหาความรู้ อย่างการศึกษาปัจจุบันนี่บอกว่า เอ้อเด็กไทยนี่ไม่ค่อยชอบแสดงความคิดเห็น ต้องสนับสนุนให้แสดงความคิดเห็น อย่าลืมว่าการแสดงความคิดเห็นนั้น ต้องตั้งอยู่บนฐานของความรู้

17. สังคมของเราเวลานี้ไปหนุนเรื่องการทำเพื่อตัวเองกันมากไป ก็เลยเห็นแก่ตัวและก็เบียดเบียนแย่งชิงกัน ฉะนั้นปัญหามันก็มาก ไม่มองเพื่อนมุนษย์ว่าเป็นมนุษย์เหมือนเราจะมองแต่ในแง่เขาแง่เรา แบ่งแยกกันแย่งชิงกัน มันก็ยิ่งยุ่ง


ขออนุโมทนาบุญ ข้อมูลจากหนังสือ ร้อยธรรมคำสอน / สำนักพิมพ์ Book Smile / 7 - 11

No comments:

Post a Comment