พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง - พระบรมธาตุแบบลังกา

กษัตริย์ชาวพุทธตัวอย่าง -  พระบรมธาตุแบบลังกา

เสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ..คลิกตรงรูป อ่านพระประวัติโดยย่อ..

Friday 29 June 2012

ร้อยธรรมคำสอน - พระปัญญานันทภิกขุ

1. กอดทุกข์ ที่เป็นทุกข์เพราะว่าเราไปเอาสิ่งที่ควรจะผ่านไปแล้วเอามาคิดดูอีก....ไม่ให้มันผ่านไป ไม่ให้มันล่วงเลยไป ดึงเอามาคิดมาฝันต่อไปแล้วก็เป็นทุกข์  เหมือนกับเราหลงกอดวัตถุที่มันเป็นพิษ

2. เรามาวัดก็เพื่อมาศึกษาหาความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะปรับปรุงจิตใจของเราให้ดีขึ้น เพื่ออะไร ก็เพื่อให้เรามีความสุข มีความสงบตามสมควรแก่ฐานะ

3. พระพุทธศาสนาไม่ทำให้คนอ่อนแอ แต่ว่าทำให้คนเข้มแข็ง ให้อดทน ให้ควบคุมตัวเองได้ ให้ต่อสู้กับเหตุการณ์ต่าง  ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้

4. เรามีชีวิตอยู่ในบ้านในเมือง ควรจะทำอะไรช่วยชาติช่วยบ้านเมืองกันบ้าง ไม่ยากอะไรเลย คือทำให้ทุกคนตั้งใจกระทำความดี ตามหน้าที่ ที่เรามี เราเป็นอยู่

5. คนเรามีปาก ปากมีไว้พูดเรื่องที่เป็นสาระเป็นแก่นเป็นสาร เราจะไม่พูดสิ่งเหลวไหล เราจะพูดแต่เรื่องที่ดีที่งาม พูดอย่างไรเรียกว่าพูดดี คือพูดเป็นสุภาษิต สุภาษิตก็คือพูดดี พูดดีก็คือพูดเรื่องจริงเรื่องแท้

6. เราจะกำจัดความริษยาด้วยอะไร ก็ด้วยการคิดให้ตรงกันข้าม คิดให้มีความยินดี พอใจ ในสภาพชีวิตของคนนั้น ยินดีในกิริยาท่าทางในการพูดจา ในการทำงาน ในการเป็นอยู่

7. ทำดีได้ความดี ทำชั่วได้ความชั่ว ทำเหตุให้เกิดทุกข์ ก็ได้ความทุกข์ทำเหตุุให้เกิดสุขก็ได้ความสุข ทำเหตุให้เกิดความเสื่อมเราก็ได้ความเสื่อม ทำเหตุให้เกิดความเจริญเราก็ได้ความเจริญ เราหนีจากผลที่เราทำไว้ไม่ได้

8. วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ ไม่ดีไม่ชั่ว เช้าสายบ่ายเย็น ไม่ดีไม่ชั่ว แต่ถ้าเราทำดีเวลาไหน เวลาก็พลอยดีไปกับเรา ถ้าเราทำชั่วเวลาไหน เวลามันก็พลอยชั่วไปกับเรา

9. ถ้าศีลธรรมจากเราไปเราก็ขาดหลักประกัน ไม่มีเครื่องคุ้มครอง เหมือนอยู่บ้านที่ไม่มีหลังคา ไม่มีฝา อันตรายจะเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าเรามีศีลธรรมเป็นเครื่องป้องกัน เราอยู่เย็นเป็นสุข

 10. ความไม่เป็นทาสก็คือไม่ยินดีกับสิ่งนั้น ไม่ยินร้ายในสิ่งนั้น ความยินดีก็เป็นเหตุให้เป็นทาส ความยินร้ายก็เป็นเหตุให้เป็นทาส ความไม่เป็นทาสก็คือความไม่ยินดียินร้าย ความไม่ยินดียินร้าย ก็เพราะว่ามีสติมีปัญญา เป็นเครื่องกำกับจิตใจ

11. พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่อย่างผู้ชนะ หมายความว่าชนะต่อสิ่งที่มากระทบจิตใจ ไม่ให้สิ่งนั้นครอบงำย่ำยีใจ เราก็เป็นผู้ชนะ

12. อะไร ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น เกิดจากความคิด เกิดจากการพูด เกิดจากการกระทำ เกิดจากการคบหาสมาคม เกิดจากการไปการมาในที่ต่าง  ๆ ไม่ได้เกิดเพราะอะไรมาดลบันดาลให้เกิด ในพุทธศาสนาไม่มีคำว่า ดลบันดาล

13. กิเลสทุกประเภทเมื่อเกิดขึ้นในใจเราแล้ว ทำให้เราโง่ เรามืด เราบอด เราไม่มีปัญญา ไม่มีแสงสว่าง สำหรับพิจารณาอะไรให้มันถูกต้องตามสภาพที่เป็นจริง

14. เราทำอะไรไว้หนีไม่พ้น เพราะฉะนั้นจะคิดอะไร จะพูดอะไร จะทำอะไร ต้องคิดก่อนว่า มันถูกหรือผิด มันดีหรือชั่ว มันเสื่อมหรือมันเจริญ ต้องคิดให้รอบคอบ

15. ดีชั่วไม่ได้อยู่ที่ดวงที่เวลา แต่มันอยู่ที่การกระทำเวลานั้นไม่ดีไม่ชั่ว เช้าสายบ่ายเย็น กลางค่ำกลางคืนไม่ดีไม่ชั่ว การกระทำของเราที่ทำลงไปนั่นแหละทำให้เวลาดีชั่ว

16. เราจะอยากได้อะไร อย่าได้ใช้ความข่มขู่ อย่าใช้อำนาจ อย่าใช้อิทธิพลเพื่อไปเอาอะไรจากคนนั้น เพราะการกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เราควรจะพูดจาประนีประนอม ค่อยพูดค่อยทำความเข้าใจกัน

17. ไม่โต้ตอบด้วยความชั่ว ไม่เอาน้ำสกปรกมาล้างสิ่งสกปรก แต่เอาน้ำสะอาดมาล้างสิ่งสกปรก สถานที่นั้นก็จะสะอาดปราศจากสิ่งชั่วร้ายขึ้นได้

18. เราไม่ควรเกิดมาสร้างปัญหา แต่เกิดมาช่วยแก้ปัญหา การแก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่ตัวเรา

19. เด็กมันก็เหมือนผ้าขาว เราจะย้อมสีอะไรก็ได้ แต่ถ้าไม่ย้อมทิ้งไว้เฉย ๆ ขี้ฝุ่นจับกลายเป็นผ้าดำผ้าสกปรกไป เราต้องฝึกเขา อบรมเขาให้เป็นคนดี

20. เอาตัวเราเปรียบเทียบกับคนอื่น ว่าอะไรที่เราต้องการ คนอื่นเขาเหมือนกับเราเหมือนกัน อะไรที่เราไม่ชอบไม่ต้องการ คนอื่นเขาก็ไม่ชอบเหมือนกัน จะทำอะไรก็ต้องคิดว่าจะกระทบกระเทือนใครบ้างจะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ใดบ้าง

ขออนุโมทนาบุญ กับผู้แต่งหนังสือ ร้อยธรรมคำสอน / สำนักพิมพ์ Book Smile / 7 - 11

No comments:

Post a Comment