
คำว่า "มังสวิรัติ" นั้นเป็นคำสมาส มาจากคำว่า มังสะ แปลว่า เนื้อ รวมกับ วิรัติ แปลว่า ปราศจากความยินดีหรือละเว้น ดังนั้น มังสวิรัติ จึงแปลว่า ปราศจากความยินดีที่จะกินเนื้อสัตว์
อาหารที่พวกมังสวิรัตินิยมรับประทานกัน ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย ข้าว และผลิตภัณฑ์จากข้าว หรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ หรือเมล็ด เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น
อาหารมังสวิรัตินั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
- มังสวิรัติประเภทเคร่งครัด เป็นมังสวิรัติที่กินอาหารจำพวกพืชผักผลไม้เพียงอย่างเดียว ไม่มีอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม หรือ ผลิตภัณฑ์จากไข่และนม เป็นส่วนประกอบของอาหารนั้นๆเลย
- มังสวิรัติประเภทที่มีการดื่มนม เป็นมังสวิรัติที่จะมีนมและผลิตภัณฑ์ของนมนอกเหนือจากพืชผักผลไม้ แต่ไม่มีเนื้อสัตว์และไข่เป็นส่วนประกอบของอาหาร
- มังสวิรัติประเภทดื่มนมและกินไข่ อาหารมังสวิรัติประเภทนี้มีไข่ นม และผลิตภัณฑ์ของนมนอกเหนือจากอาหารจากพืช แต่ไม่มีเนื้อสัตว์เลย
ส่วนใหญ่ พบว่า ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เบาหวาน และอ้วน
ผลการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ พบผู้ที่เป็นมังสวิรัติเคร่งครัดมีภาวะพร่องของ วิตามินบี 12 และแร่ธาตุเหล็ก โดยเฉพาะที่เป็นมังสวิรัติเคร่งครัดเป็นเวลานาน ๆ และการมีผลต่อการเจริญเติบโต
ของเด็ก[1]
ประวัติ
ประวัติการบริโภคอาหารมังสวิรัติที่มีการบันทึกไว้ โดยเป็นการปฏิบัติและเป็นแนวความคิดความเชื่อเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณ และสมัยอารยธรรมกรีกโบราณทางตอนใต้ของอิตาลี และที่กรีซเมื่อศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตศักราช การบริโภคทั้งสองแบบมีความเกี่ยวข้องกับแนวความคิดในการไม่ใช้ความรุนแรงต่อสัตว์ (อหิงสา) และได้รับการสนับสนุนจากทางศาสนาและกลุ่มนักปรัชญาหรือนักปราชญ์
No comments:
Post a Comment